อสังหาฯ สมุยคึกคัก คอนโดฯ-วิลล่าปล่อยเช่าพุ่ง มูลค่าตลาดแตะ 30,300 ล้านบาท

อสังหาฯ สมุยคึกคัก คอนโดฯ-วิลล่าปล่อยเช่าพุ่ง มูลค่าตลาดแตะ 30,300 ล้านบาท

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยบนเกาะสมุยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็ว การเพิ่มความหลากหลายของประเภทที่อยู่อาศัย และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดเช่าระยะสั้น ตามรายงาน “Samui Property Market Update 2568” ฉบับล่าสุดโดย C9 Hotelworks มูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุยในปัจจุบันอยู่ที่ 30.3 พันล้านบาท โดยตลาดกำลังเปลี่ยนจากการเน้นที่พักอาศัยแบบวิลล่าเป็นหลัก ไปสู่โครงการที่พักอาศัยที่มีความหนาแน่นมากขึ้น เช่น คอนโดมิเนียม เพื่อตอบรับเทรนด์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลง และความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อุปทานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกำลังกำหนดทิศทางใหม่ของตลาด

หนึ่งในเทรนด์สำคัญของตลาดอสังหาฯ บนเกาะสมุยในปัจจุบันคือการเติบโตของจำนวนวิลล่าสำหรับเช่าแบบอิสระ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ มกราคม 2568) ปริมาณที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างมาก โดยอัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อคืนในไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลง 11% เหลือ 13,012 บาทต่อคืน อย่างไรก็ตาม แม้อัตราค่าเช่าจะลดลง แต่ระดับการเข้าพักกลับเพิ่มขึ้น 5.7 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็น 71.5% สะท้อนถึงความต้องการที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มองหาความหรูหราและความเป็นส่วนตัว “สิ่งที่ทำให้สมุยแตกต่าง คือพื้นฐานของตลาดโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่ง” คุณบิล บาร์เน็ตต์ (Bill Barnett) กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks กล่าว “เมื่อเทียบกับจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ในไทยที่ราคาที่ดินพุ่งสูง สมุยยังมีต้นทุนที่ดินค่อนข้างต่ำ ทำให้สามารถพัฒนาโครงการวิลล่าหรูในราคาที่แข่งขันได้ และหลายแห่งยังมีวิวทะเลที่สวยงามอีกด้วย”

ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนเกาะสมุยกำลังเปลี่ยนทิศทางไปสู่คอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทขนาดใหญ่และมีความหนาแน่นมากขึ้น โดยมีโครงการใหม่ที่น่าจับตามอง เช่น โครงการอานาวา สมุย (564 ยูนิต) และ โครงการวิง สมุย (533 ยูนิต) ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวของตลาดที่อยู่อาศัยจากรูปแบบวิลล่า ไปสู่ทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อยุคใหม่ รวมถึงนักลงทุนที่มองหาที่อยู่อาศัยที่บริหารจัดการง่ายและเข้าถึงได้ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น

แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยและทิศทางทำเลต่าง ๆของสมุย

ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยหลักบนเกาะสมุย มีจำนวนยูนิตรวมทั้งสิ้น 2,882 ยูนิต กระจายอยู่ใน 117 โครงการ โดยกว่า 70% ของอุปทานทั้งหมดตั้งอยู่ในย่านบ่อผุด ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของเกาะ ครอบคลุมทั้งสนามบินสมุยและชายหาดยอดนิยมอย่างเฉวง ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ ตำบลมะเร็ต (15%) ตำบลแม่น้ำ (9%) และตำบลอ่างทอง (3%)

คอนโดมิเนียมครองสัดส่วน 52% ของอุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดบนเกาะสมุย สะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาอสังหาฯ ยุคใหม่ ขณะที่วิลล่าหรือบ้านพักอาศัยยังคงมีสัดส่วน 48% ซึ่งแม้จะยังเป็นส่วนสำคัญของตลาด แต่ก็เริ่มเปิดทางให้กับการเติบโตของโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น

ในด้านราคาขาย คอนโดมิเนียมมีราคากลางอยู่ที่ 88,500 บาทต่อตารางเมตร ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่ที่เฉลี่ย 60,600 บาทต่อตารางเมตร สำหรับคอนโดมิเนียมห้องแบบหนึ่งห้องนอน (ขนาด 40–70 ตร.ม.) ราคากลางอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านบาท ขณะที่ห้องแบบสองห้องนอน (ขนาด 80–110 ตร.ม.) มีราคากลางที่ 7.2 ล้านบาท ด้านวิลล่าจะมีราคาสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยยูนิตแบบสามห้องนอน (ขนาด 250–350 ตร.ม.) มีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 14.9 ล้านบาท

การแข่งขันในตลาดเช่าวิลล่าบนเกาะสมุย

ปี 2568 ตลาดเช่าวิลล่าบนเกาะสมุยมีจำนวนรวม 3,055 หลัง โดยส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การบริหารของผู้ให้บริการบุคคลที่สาม วิลล่าเหล่านี้มักถูกใช้ในสองรูปแบบควบคู่กัน ทั้งเป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัว และเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุนที่สร้างรายได้จากการปล่อยเช่า ตลาดส่วนใหญ่ประกอบด้วยวิลล่าสองและสามห้องนอน ซึ่งครองสัดส่วน 21% และ 31% ตามลำดับ ขณะที่วิลล่าขนาดใหญ่ที่มีสี่ห้องนอนขึ้นไป คิดเป็น 31% ของอุปทานทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวใหญ่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นกลุ่ม

ตลาดเช่าวิลล่าบนเกาะสมุยมีความผันแปรตามฤดูกาลอย่างชัดเจน โดยอัตราเข้าพักต่ำสุดอยู่ที่ 38.7% ในเดือนกันยายน และพุ่งสูงสุดถึง 76.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4–5 คืน แม้อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อคืนจะลดลงจากการที่มีจำนวนวิลล่าในตลาดเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการจากนักท่องเที่ยวกลุ่มมีกำลังซื้อยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์ที่แตกต่าง แม้อัตราค่าเช่าเฉลี่ยต่อคืนในไตรมาสแรกของปี 2568 จะลดลงมาอยู่ที่ 13,012 บาท แต่อัตราเข้าพักกลับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนว่ากลยุทธ์การเน้นปริมาณผู้เข้าพักกำลังเห็นผลในหมู่ผู้ประกอบการหลายราย การปรับสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพการบริหารจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น พร้อมกับการวาง

บ่อผุด: วิลล่าบูติกตอบรับความต้องการที่เติบโตต่อเนื่อง
หนึ่งในทำเลวิลล่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนเกาะสมุยคือย่านบ่อผุด ซึ่งความสนใจในโครงการที่อยู่อาศัยแบบบูติกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการในพื้นที่นี้โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สวยงามทันสมัย ความเป็นส่วนตัว และทำเลที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างหมู่บ้านชาวประมง(Fisherman’s Village) วิลล่าระดับลักชัวรีในบ่อผุดยังตอบรับกับกระแสไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพและดีไซน์ทรอปิคอลร่วมสมัย ตอกย้ำบทบาทของย่านนี้ในฐานะจุดหมายยอดนิยมของกลุ่มผู้ซื้อที่มองหาคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง

มูลค่าตลาดและรูปแบบอสังหาริมทรัพย์
ในเชิงภูมิศาสตร์ พื้นที่บ่อผุด มะเร็ต และแม่น้ำ รวมกันคิดเป็น 85% ของมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุย ซึ่งสะท้อนถึงความน่าสนใจของทำเล และความพร้อมด้านการพัฒนาในพื้นที่เหล่านี้อย่างชัดเจน ที่พักริมทะเลมีจำนวน 631 ยูนิต ขณะที่ที่พักอาศัยภายแบบ Branded Residences มีจำนวน 550 ยูนิต สะท้อนถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในสินทรัพย์ระดับพรีเมียมซึ่งเน้นคุณภาพชีวิตและภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์

ด้านราคาขาย อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นตามขนาดของยูนิต โดยวิลล่าสองห้องนอน (150–250 ตร.ม.) มีราคาประมาณ 12.2 ล้านบาท ขณะที่วิลล่าสี่ห้องนอนขนาดใหญ่ (400–500 ตร.ม.) อาจมีราคาสูงกว่า 28.9 ล้านบาท สำหรับคอนโดมิเนียม จุดขายสำคัญยังคงอยู่ที่ความคุ้มค่าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โดยผู้พัฒนาหลายรายมุ่งเป้าทั้งนักลงทุนต่างชาติและชาวไทยในเมืองที่มองหาบ้านพักตากอากาศหรือทรัพย์สินเพื่อการลงทุน

มุมมองตลาดและสิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณา

ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์บนเกาะสมุยที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการ แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกลุ่มวิลล่าและคอนโดมิเนียมจะสร้างแรงกดดันต่อระดับราคาตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มปล่อยเช่าระยะสั้น แต่ปัจจัยด้านอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ระดับการเข้าพักที่ดีขึ้น และการเชื่อมต่อทางการบินที่สะดวกมากขึ้น ก็ช่วยรองรับแรงกดดันนี้ได้บางส่วน

การเกิดขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยบนเกาะสมุย ทำให้เกาะแห่งนี้เข้าถึงนักลงทุนและผู้ซื้อบ้านหลังที่สองได้หลากหลายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้ เมื่อรวมกับภาพลักษณ์ของสมุยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับพรีเมียม สะท้อนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังก้าวเข้าสู่ระยะใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยปริมาณและความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ทั้งนักพัฒนาและนักลงทุนจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความได้เปรียบในตลาดคือความแตกต่าง ทำเล และบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม หากมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเหมาะสม เกาะสมุยยังคงเป็นจุดหมายที่น่าลงทุน ทั้งในด้านการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า

ขณะนี้ที่โครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อระดับนานาชาติของเกาะสมุยพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภาคอสังหาริมทรัพย์ก็พร้อมจะยังคงเป็นจุดสนใจของทั้งกลุ่มผู้ซื้อที่มองหาบ้านเพื่ออยู่อาศัย และนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว

 

“อรสิริน” ขนทัพบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม ช็อปเฮาส์ 25 โครงการ จัดโปรเหนือเมฆ จัดหนัก UP 4 ต่อ ราคาเริ่ม 1.9-27 ล้านบาท

“อรสิริน” ขนทัพ 25 โครงการบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม ช็อปเฮาส์ พร้อมอยู่  จัดมหกรรมจัดเต็มของแถมครั้งยิ่งใหญ่ฯ “ORN CLOUD อรรู้ใจให้โปรเหนือเมฆ” อยู่แบบเหนือๆอัปการอยู่อาศัยให้คุ้มกว่าใคร รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ปลดล็อกมาตรการ LTV ใหม่กู้ได้ 100%  ลดค่าธรรมเนียมโอนและจำนองเหลือ 0.01% ราคาสุดพิเศษเริ่มต้น 1.9-27 ล้านบาท จัดหนักเพิ่ม 4 ต่อ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ ส่วนลด สูงสุด 1.9 ล้านบาท แพคเก็จ LIVING สูงสุด 1.8 ล้านบาท  ร่วมลุ้นรางวัลใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าและทองคำรวมกว่า 1 ล้านบาทและของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย พบกันวันที่ 30 เม.ษ.- 4 พ.ค.68  ณ ชั้น 1 เซ็นทรัล เชียงใหม่

วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิรินโฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน)  หรือ ORN ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง บนทำเลศักยภาพ จ.เชียงใหม่  กล่าวว่า ORN จัดมหกรรมลดราคาครั้งใหญ่แห่งปี “ORN CLOUD อรรู้ใจให้โปรเหนือเมฆ” อยู่แบบเหนือๆอัปการอยู่อาศัยให้คุ้มกว่าใคร ขนทัพโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบกว่า 25 โครงการ ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และช็อปเฮาส์ พร้อมให้เลือกสรรในราคาเริ่มต้นสุดพิเศษเพียง 1.9 - 27 ล้านบาท
         

นอกจากนี้ พลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษที่คุณจะได้รับจัดหนักถึง 4 ต่อ
ต่อที่ 1: ฟรี ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์*
ต่อที่ 2: รับส่วนลดสูงสุด 1.9 ล้านบาท*
ต่อที่ 3: ฟรี แพ็กเกจ LIVING มูลค่าสูงสุด 1.8 ล้านบาท*
ต่อที่ 4: สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้า และทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย

ขณะเดียวกันยังสามารถรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมจาก มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ และ มาตรการ LTV ใหม่ ที่เปิดโอกาสให้สามารถกู้ได้ 100%* พร้อมลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือเพียง 0.01%* ตามมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน
         

“การจัดมหกรรม ORN CLOUD ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยที่หลากหลายของลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่ โดยอรสิรินได้คัดสรรโครงการคุณภาพทั้ง 25 โครงการ พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษที่สอดรับกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจและมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราอย่างแท้จริง”นายปรีดิกร กล่าว

พบกับขบวนทัพโครงการคุณภาพจากอรสิริน พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษและของรางวัลมากมาย ได้ในงาน “ORN CLOUD อรรู้ใจให้โปรเหนือเมฆ” ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2568 ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ อย่ารอช้า โอกาสทองของการมีบ้านในฝันในราคาที่คุณจับต้องได้ พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มค่า ที่อรสิรินเท่านั้น

         

“ไซมิส แอทเสท” ฉลองครบรอบ 15 ปี จัดแคมเปญ “SPECIAL PRICE SPECIAL UNIT” มอบข้อเสนอสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาด

บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ฉลองครบรอบ 15 ปี จัดแคมเปญ “SPECIAL PRICE SPECIAL UNIT” มอบส่วนลดสูงสุด 8.2 ล้านบาท พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติม อาทิ Gift Voucher เฟอร์นิเจอร์จาก BO Concept สูงสุด 200,000 บาท และส่วนลดพิเศษจาก INDEX LIVING MALL และ SAMSUNG ครอบคลุมโครงการแนวสูงและแนวราบกว่า 13 โครงการทั่วกรุงเทพฯ ร่วมสัมผัสคุณภาพชีวิตเหนือระดับภายใต้แนวคิด “Asset of Life” ได้ตั้งแต่วันนี้- 15 พ.ค.68  

วันที่ 21 เมษายน 2568 บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” ฉลองโอกาสครบรอบ 15 ปีแห่งความสำเร็จในฐานะผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ จัดแคมเปญสุดพิเศษ “SPECIAL PRICE SPECIAL UNIT” สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยคุณภาพเยี่ยม พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย ส่วนลดมูลค่าสูงสุดถึง 8.2 ล้านบาท สำหรับยูนิตพิเศษในแต่ละโครงการ
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่โอนกรรมสิทธิ์ภายในช่วงแคมเปญ รับสิทธิ์แลกซื้อเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจาก BO Concept ด้วย Voucher มูลค่าสูงสุดถึง 200,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนดในแต่ละโครงการ)

สำหรับลูกค้าที่ทำการจองสิทธิ์ ทุกโครงการ จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ:
•ส่วนลดสูงสุดถึง 35% เฟอร์นิเจอร์จาก BO Concept (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)
•ส่วนลดสูงสุด 20% เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก SAMSUNG  (สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ)
•ส่วนลด 15% จาก INDEX LIVING MALL สำหรับสมาชิก JOY Member พร้อมรับ คูปองส่วนลดมูลค่า 750 บาท เมื่อซื้อครบ 5,000 บาทต่อใบเสร็จ

แคมเปญ “SPECIAL PRICE SPECIAL UNIT” สะท้อนความตั้งใจของไซมิส แอทเสทในการส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง พร้อมบริการและสิทธิพิเศษที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจแบรนด์ตลอดระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่วันนี้-15 พฤษภาคม 2568 หมายเหตุ* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา/ก่อสร้าง และพร้อมขายจำนวนรวม 13 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแนวสูง 7 โครงการ ได้แก่ โครงการ Wyndham Bangkok Queen Convention Centre , โครงการ Blossom Condo @ Sathorn-Charoenrat , โครงการ Blossom Condo @ Fashion Beyond ,โครงการ Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48 , โครงการ Landmark At MRTA Station , โครงการ Landmark At Grand Station และโครงการ Landmark At Kaset TSH Station

ขณะที่ในส่วนของโครงการแนวราบ 6 โครงการ ได้แก่ โครงการ Monsane Exclusive Villa Ratchapruek -Pinklao ,โครงการ Siamese Kin Ramintra Phase 1 , โครงการ Siamese Kin Ramintra Phase 2 , โครงการ Siamese Holm Phahol - Vibhavadi ,โครงการ Siamese Blossom Phahol - Vibhavadi และโครงการ Monsane Ratchapruek - Chaeng Watthana 

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นรูปแบบการพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปในแต่ละโครงการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ที่ยังยึดความ ทันสมัย เน้นเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย และอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยเพื่อตอกย้ำแนวคิด “Asset of Life” สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต ที่มอบทั้งความสุขในการอยู่อาศัยและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการที่ร่วมรายการได้ที่สำนักงานขายของไซมิส แอสเสท ทุกแห่ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการล่วงหน้าได้ที่ www.siameseasset.co.th หรือโทร. 1306 เพื่อไม่พลาดโอกาสสุดพิเศษที่มาพร้อมกับการฉลองครบรอบ 15 ปีในครั้งนี้

#ไซมิสแอทเสท #ข่าววันนี้ #คอนโด #อสังหา #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

 

 

BAM จัดแคมเปญ “BAM MEGA SALE” ลดหนักจัดเต็มกว่าใคร บ้าน ที่ดิน คอนโด ลดสูงสุด 30%

BAM จัดแคมเปญ “BAM MEGA SALE” ลดหนักจัดเต็มกว่าใคร ลดสูงสุด 30% ตั้งแต่วันนี้-15 พฤษภาคม 2568 คัดทรัพย์คุณภาพ ทำเลดี ทั่วประเทศ ทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโด และอสังหาฯ เพื่อการลงทุน จำนวนกว่า 3,000 รายการ มาลดราคาแบบลดหนักจัดเต็มให้ลูกค้าเลือกช้อปอย่างจุใจ พร้อมรับโปร “โอนเร็ว รับเลย” ฟรีค่าโอนสูงสุด 900,000 บาทต่อรายการทรัพย์  และเมื่อจองซื้อทรัพย์ผ่านช่องทาง Online : เว็บไซต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 25,000 บาท พิเศษ ขณะที่จองซื้อทรัพย์ผ่านช่องทาง Online : BAM Choice Application รับฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า SHARP มูลค่าสูงสุด 3,490 บาท พร้อมขยายเวลาโปรผ่อน 0 % นาน 2 ปี

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า BAM จัดแคมเปญ “BAM MEGA SALE” ลดหนักจัดเต็มกว่าใครลดสูงสุด 30% ให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 15 พฤษภาคม 2568 พร้อมคัดทรัพย์คุณภาพ ทำเลดี มีให้เลือกทั้ง บ้าน ที่ดิน คอนโด และอสังหาฯเพื่อการลงทุน จำนวนกว่า 3,000 รายการ มาลดราคาแบบลดหนักจัดเต็มกว่าใคร นอกจากนี้ เมื่อซื้อทรัพย์ในแคมเปญทุกรายการ และโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน รับโปร “โอนเร็ว รับเลย” ฟรีค่าโอนสูงสุด 900,000 บาท ต่อรายการทรัพย์  เมื่อจองซื้อทรัพย์ผ่าน Online : เว็บไซต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 25,000 บาท  พิเศษสุด พิเศษยิ่งกว่าหากจองซื้อทรัพย์ผ่านช่องทาง Online : BAM Choice Application และซื้อทรัพย์ไม่เกิน 1 ล้านบาท รับไมโครเวฟ SHARP หรือซื้อทรัพย์เกิน 1 ล้านบาท รับเครื่อง ฟอกอากาศ SHARP  

นอกจากนี้ BAM ได้ขยายเวลาโปรโมชั่นผ่อน 0 % นาน 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ทุกประเภท ราคาตั้งขายไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0 %นาน 2 ปี ปีที่ 3 คิดดอกเบี้ย MRR -2.5 % และปีที่ 4 เป็นต้นไปคิดดอกเบี้ย MRR BAM ตลอดอายุสัญญา พิเศษยิ่งกว่าสำหรับลูกค้าที่ชำระปิดบัญชีภายใน 3 ปี ลด 10 % จากราคาตั้งขาย และชำระปิดบัญชีภายใน 5 ปี ลด 5 % จากราคาตั้งขาย

สำหรับทรัพย์ที่ BAM นำมาจัดแคมเปญ “BAM MEGA SALE” ในครั้งนี้ มีหลากหลายทำเล เช่น

- บ้านเดี่ยว หมู่บ้านปาริชาต สุวินทวงศ์ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ราคาตั้งขาย 4,095,000 บาท ราคาพิเศษ 3,705,000 บาท ราคา MEGA SALE 3,335,000 บาท

- ห้องชุดพักอาศัย เอ สเปช อโศก-รัชดาไฮด์อเวย์ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ราคาตั้งขาย 2,547,000 บาท ราคาพิเศษ 2,305,000 บาท ราคา MEGA SALE  2,075,000 บาท

- ที่ดินเปล่า หมู่บ้านอิงธาร อำเภอโชคชัย จ.นครราชสีมา ราคาตั้งขาย 1,504,000 บาท ราคาพิเศษ 1,361,000 บาท บาท ราคา MEGA SALE  1,157,000 บาท

- บ้านเดี่ยว หมู่บ้านเอ ซี เฮ้าส์ 2  อำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี ราคาตั้งขาย 3,360,000 บาท ราคาพิเศษ 3,040,000 บาท ราคา MEGA SALE 2,584,000 บาท

- บ้านเดี่ยว หมู่บ้านพฤกษา 24  อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ราคาตั้งขาย 1,544,000 บาท ราคาพิเศษ 1,397,000 บาท ราคา MEGA SALE 1,188,000 บาท

- บ้านเดี่ยว หมู่บ้านรินรดา 4  อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ ราคาตั้งขาย 3,045,000 บาท ราคาพิเศษ 2,755,000 บาท ราคา MEGA SALE 2,480,000 บาท

ลูกค้าที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-6300-700 หรือ www.bam.co.th หรือ Social Media : BAM Thailand

#BAM #BAMMEGASALE #ข่าววันนี้ #คอนโด #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

"ไนท์แฟรงค์" เผยแนวโน้มอสังหาฯ ปี 68 คอนโดฯ-ออฟฟิศ ผจญซัพพลายล้น ส่วนโรงแรม-โรงงานเดินหน้าโตต่อ

บ. ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย (Knight Frank Thailand) ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย นำโดย นายณัฐฐา คหะปาณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยข้อมูลวิจัยแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ 4 เซกเตอร์สำหรับปี 2568 ในงานสัมมนาออนไลน์ Knight Frank Foresight 2025: Collaboration พบว่าคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน ยังเผชิญภาวะซัพพลายล้นตลาด กดดันอัตราการขายชะลอตัว ในขณะที่ตลาดเช่าเติบโตขึ้น ผลจากการเพิ่มขึ้นของชาวต่างชาติ (Expat) และการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว ในส่วนภาคโรงแรมได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และภาค อุตสาหกรรม-โลจิสติกส์ ยังเติบโตต่อเนื่องจากการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) และการขยายตัวของเขต EEC

นายสัญชัย คูเอกชัย ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยข้อมูลวิจัยส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดราว 9,800 ยูนิต เพิ่มขึ้นกว่า 360% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม ยอดขายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 9.9% ทำให้สัดส่วนยอดขายรวมยังคงอยู่ที่ 35% ต่ำกว่าระดับ 40% ที่ถือเป็นเกณฑ์สุขภาพดีของตลาด โดยอุปทานใหม่นี้กว่า 51% กระจายไปยังพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และอีก 45% อยู่ในพื้นที่ชานเมืองตามแนวรถไฟฟ้า ส่วนคอนโดฯ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) มีการเปิดตัวลดลงและส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับเกรด A โดยปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยใน CBD อยู่ที่ 236,000 บาทต่อตร.ม. ขณะที่พื้นที่ชานเมืองและรอบนอกกรุงเทพฯ อยู่ที่ 127,000 และ 72,000 บาทต่อตร.ม. ตามลำดับ

สำหรับตลาดคอนโดฯ หรู (Prime และ Super Prime) ซึ่งมีราคามากกว่า 200,000-250,000 บาทต่อตร.ม. อุปทานใหม่ในปี 2567 ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยคอนโดฯ ระดับ Super Prime มีอยู่ประมาณ 6,500 ยูนิต ขณะที่ระดับ Prime อยู่ที่ 7,200 ยูนิต ทั้งสองกลุ่มมียอดขายเกิน 80% ทำให้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนโครงการใหม่ในปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากอุปทานที่ยังคงสูงและกำลังซื้อลดลง

นายสัญชัย กล่าวว่า ปัจจัยที่อาจช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนชาวต่างชาติ (Expat) ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่ง ณ สิ้นปี 2567 มีอัตราการเติบโต 7.1% โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดมาจากจีน (28%) ฟิลิปปินส์ (25%) และญี่ปุ่น (14%) แนวโน้มนี้อาจส่งผลให้ตลาดเช่าเติบโตขึ้น ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนให้กลับมาสนใจตลาดคอนโดฯ ในทำเลที่เหมาะสม นอกจากนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอาจช่วยเพิ่มความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว ตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ยังคงต้องจับตาดูแนวโน้มเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อไป

มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่พักอาศัย ให้ข้อมูลเสริมว่าตลาดอสังหาฯ ปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย โดยเฉพาะตลาดคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ที่ผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ยังคงชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ มีเพียง 2-4 โครงการที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดในปีนี้ บางรายได้เริ่มออกจากตลาดในกรุงเทพฯ และหันไปพัฒนาโครงการที่ภูเก็ตแทน หรือเปลี่ยนทิศทางไปสู่ตลาดบ้านแนวราบ ขณะที่สต็อกคอนโดฯ ที่ยังขายไม่ออกถูกนำกลับมาทำตลาดใหม่ในราคาลดพิเศษ ทำให้ปีนี้ยังคงเป็น “ตลาดของผู้ซื้อ” การเปลี่ยนแปลง ที่เห็นได้ชัดคือความนิยมของโครงการระดับ Luxury และ Ultra Luxury ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มผู้มีฐานะสูงและมีราคาต่อตารางเมตรตั้งแต่ 320,000 บาทขึ้นไป และมีความต้องการยูนิตที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งโครงการมิกซ์ยูสเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการลดเวลาเดินทางและใช้ชีวิตในที่เดียว นอกจากนี้ ตลาดบ้านแนวราบยังคงมีศักยภาพ โดยเฉพาะในช่วงราคาตั้งแต่ 10-40 ล้านบาท แม้ว่าการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กลายเป็น “ตลาดของผู้ซื้อ” เช่นเดียวกับตลาดคอนโดฯ ทำเลศักยภาพของคอนโดฯ ที่ยังได้รับความสนใจ ได้แก่ เพลินจิต ชิดลม ราชดำริ สาทร และริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งยังเป็นพื้นที่ที่มีโครงการระดับสูงเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากแนวโน้มดังกล่าวแล้ว มร.แฟรงค์ กล่าวว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยกำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยกลุ่ม ผู้ซื้อรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น ความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อกับพื้นที่ทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

ด้านเซกเตอร์โรงแรม มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยฝ่ายการวิจัยและที่ปรึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5 ล้านคน และคาดว่า ปี 2568 จะเพิ่มเป็น 36-40 ล้านคน ตลาดจีนเริ่มฟื้นตัว แต่ยังอยู่ที่ 71% ของระดับก่อนโควิด คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีน 9 ล้านคน ขณะที่อัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ เฉลี่ย 79% และราคาห้องพักเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวกลับสู่ระดับก่อนโควิดที่ 5.3 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ในปี 2568 อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากที่พักทางเลือก เช่น Airbnb เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และโรงแรมราคาประหยัด ซึ่งเพิ่มความท้าทายให้กับโรงแรมแบบดั้งเดิม อีกทั้งภาพลักษณ์ของประเทศอาจได้รับผลกระทบจากข่าวอาชญากรรมและคำเตือนการเดินทางจากบางประเทศ เช่น ไต้หวัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวเอเชีย

สำหรับเซกเตอร์อุตสาหกรรม มร.มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ กรรมการบริหารและหัวหน้า Occupier Strategy & Solutions ส่วนงาน Industrial เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทยกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12,340 ไร่ โดยกว่า 64% ของธุรกรรมเกิดขึ้นในเขต EEC นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 40% คิดเป็นมูลค่า 746,000 ล้านบาท และการขยายตัวของโรงงานเพิ่มขึ้น 59% แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน อุตสาหกรรมที่เติบโตสูงในปีนี้ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และศูนย์ข้อมูล (Data Centres) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการค้าระดับโลกยังคงส่งผลกระทบ โดยเฉพาะนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่อาจเพิ่มภาระภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศที่ใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ไทย อุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอาหาร ในขณะที่การค้าในอาเซียนและข้อตกลง RCEP กำลังมีบทบาทมากขึ้น ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์เพื่อรองรับแนวโน้มนี้

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการรองรับแนวโน้มการค้าโลกที่เปลี่ยนไป Knight Frank คาดการณ์ว่า เส้นทางการค้าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยท่าเรือแหลมฉบังและ EEC Logistics Corridor จะกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ขณะเดียวกัน เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZs) และเขตการค้าเสรี (FTZs) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนให้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลัก

นายปัญญา เจนกิจวัฒนาเลิศ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่าย Occupier Strategy & Solutions ส่วนงาน Office เปิดเผยว่า ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ปี 2567 ยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยมีพื้นที่สำนักงานรวม 6.31 ล้านตร.ม. เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ขณะที่พื้นที่ถูกเช่ารวมอยู่ที่ 4.86 ล้านตร.ม. เพิ่มขึ้นเพียง 2.2% ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดยังคงเป็น “ตลาดของผู้เช่า” (Tenant’s Market) เนื่องจากมีอาคารสำนักงานใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารเกรด A ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เช่น สีลม สาทร และสุขุมวิท ซึ่งมีค่าเช่าเฉลี่ย 900-1,600 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ขณะที่พื้นที่นอกเขต CBD เช่น พระราม 9 และบางนา-ตราด มีค่าเช่าเฉลี่ยต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตร.ม. แม้ว่าค่าเช่าจะยังคงทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่เจ้าของอาคารยังคงเสนอส่วนลดพิเศษระหว่าง 10-25% เพื่อกระตุ้นอุปสงค์

สำหรับแนวโน้มในปี 2568 นายปัญญาคาดว่าอัตราการเช่าโดยรวมจะยังคงลดลง โดยปัจจุบันอัตราการเข้าพื้นที่เช่า (Occupancy Rate) อยู่ที่ 77% ลดลง 1.3% จากปีก่อน และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องไปถึงปี 2570 ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาด ได้แก่ แนวโน้ม “Flight to Quality” ที่องค์กรต่าง ๆ ย้ายไปอาคารที่มีคุณภาพสูงขึ้น การปรับพื้นที่ทำงานให้เหมาะสม (Space Optimization) และการให้ความสำคัญกับอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Going Green) ทั้งนี้ การฟื้นตัวของตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นหลังปี 2570 เมื่ออุปทานใหม่เริ่มลดลงและตลาดปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลระหว่างเจ้าของอาคารและผู้เช่าอีกครั้ง

นายณัฐฐา คหะปาณา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ข้อมูลวิจัยของ Knight Frank ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่หลากหลายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 ซึ่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แม้ตลาดคอนโดมิเนียมจะยังมีอุปทานล้นตลาด แต่ความต้องการห้องขนาดใหญ่ขึ้นและทำเลที่ดี จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะที่อาคารสำนักงานยังต้องเผชิญอุปทานส่วนเกิน เจ้าของอาคารจำเป็นต้องปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐานความยั่งยืนเพื่อรักษาและดึงดูดผู้เช่าใหม่ ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมโรงแรมและภาคการผลิตได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในเขต EEC ซึ่งสะท้อนศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เชื่อว่านี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการที่สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับตลาด โดยเน้นนวัตกรรม การพัฒนาโครงการที่ตรงความต้องการ และการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว

SA ประกาศผลงานปี 67 รายได้รวม 4,740 ล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลกำไรรวม 386.32 ล้าน โต 100%  

บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกาศผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2567 มีรายได้รวม 4,740.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,744.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 137.56% เทียบปีก่อน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 386.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.11% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดโอนโครงการ LANDMARK AT MRTA STATION เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รวมไปถึงธุรกิจโรงแรม-บริการ ร้านอาหาร มีส่วนช่วยผลักดันรายได้ให้เพิ่มขึ้น ​

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม 2567) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดจากกำไรสะสมปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 95,912,560 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 12 มีนาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้ ​

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ภายใต้แบรนด์โรงแรมระดับโลก อาทิ Cassia Residences Rama 9 Bangkok, WYNDHAM Bangkok Queen Convention Centre Hotel & Residences, WYNDHAM GARDEN Bangkok Sukhumvit 42 Hotel & Residences และ RAMADA PLAZA BY WYNDHAM Bangkok Sukhumvit 48 Hotel & Residences ​รวมไปถึงการเพิ่มโครงการในรูปแบบ Mixed Use เจาะกลุ่มนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยรุ่นใหม่ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้นของรายได้อยู่ที่ประมาณ 10-15% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยประเมินจากยอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ในปี 2568 กว่า 2,000 ล้านบาท​

 

“แอสเซทไวส์” จัดเต็มลดรวม 20 ล้านบาท-ฟรีค่าส่วนกลางนานสูงสุด 20 ปีในงานมหกรรมบ้านและคอนโด 20-23 มี.ค.68

แอสเซทไวส์ ฉลองครบรอบ 20 ปี ขนทัพบ้านหรูและคอนโดมิเนียม ทั้งโครงการใหม่ พรีเซล และโครงการพร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ EEC มากถึง 38 โครงการ ร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 มอบโอกาสพิเศษให้คนอยากมีบ้านผ่านแคมเปญ “AssetWise Fast Come Fast Served” เสิร์ฟดีลด่วน แจกส่วนลดมูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท* อาทิ ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 20 ปี* ฟรีของแถมกว่า 20 รายการ* จองเพียง 999 บาท* พร้อมดีลเด็ดจากสถาบันการเงินชั้นนำ ผ่อนต่ำเริ่มต้นเพียงล้านละ 2,500 บาทต่อเดือน นานสูงสุด 2 ปี* และโปรนาทีทอง จับก่อนจอง! ลุ้นรับของรางวัลเพิ่ม มูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท* เฉพาะผู้ที่จองในงานเท่านั้น (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)

โครงการคอนโดมิเนียมที่นำมาร่วมงาน จำนวน 32 โครงการบนทำเลศักยภาพเดินทางสะดวก ส่วนกลางจัดเต็ม นำโดยแบรนด์เคฟ (Kave) แคมปัสคอนโดใกล้โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เหมาะกับซื้ออยู่อาศัยเองและลงทุน, แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) รีสอร์ตคอนโดมิเนียมพร้อมพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนและเติมเต็มความสุขในทุกวัน, แบรนด์โมดิซ (Modiz) คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ใกล้รถไฟฟ้า ตอบโจทย์ชีวิตในเมือง, โครงการมารูน รัชดา 32 คอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางรัชดา ส่วนกลาง 8 ชั้น 24 ชั่วโมง, โครงการอควารัส จอมเทียน-พัทยา คอนโดมิเนียมหรูสไตล์ Luxurious Staycation Residence ใกล้หาดจอมเทียน

โครงการบ้านเดี่ยว 6 โครงการ อาทิ แบรนด์เอสต้า (ESTA) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดหลังใหญ่ ฟังก์ชั่นครบในสังคมคุณภาพบนทำเลรังสิต-คลอง 2 และบรมราชชนนี, โครงการ CHANN The Riverside บ้านเดี่ยวหรูบริบทใหม่กับชีวิตริมสายน้ำ หนึ่งเดียวติดถนนบรมราชชนนีและโค้งแม่น้ำท่าจีน, แบรนด์ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR) บ้านเดี่ยวสไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์น ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างอย่างเฉพาะตัว บนทำเลดอนเมือง-แจ้งวัฒนะและรามอินทรา-วัชรพล และโครงการ The Honor โยธินพัฒนา บ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ดีไซน์เหนือกาลเวลา มาพร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัวทุกหลัง

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมกระทบไหล่นักฟุตบอลสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่จะมาแจกเสื้อพร้อมลายเซ็น และกิจกรรม Meet & Greet กับเหล่าสาวสวยและหนุ่มหล่อ อาทิ นิต้า มานิตา นางสาวไทยปี 2565, ณิชา พูลโภคะ รองชนะเลิศอันดับ 2  Miss Universe Thailand 2023, ยีนส์ จารณะ และท็อป สิทธิโชค จากเวที Mister International Thailand แล้วพบกันที่ “งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47” วันที่ 20-23 มีนาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. ณ บูธ 13-24 และ 37-48 ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

  

“สโคป พร้อมศรี” จัดงาน Pre-Approve Weekend มอบโปรเด็ด “กู้ได้ 100%” พร้อมเข้าอยู่ โดยไม่ต้องใช้เงินหลักล้าน

“สโคป พร้อมศรี” คอนโดมิเนียม Low-rise 8 ชั้น ระดับพรีเมียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่ดีที่สุด โดยบริษัท สโคป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง เตรียมจัด “SCOPE Promsri Pre - Approve Weekend” ต้อนรับนักลงทุน ในวันเสาร์ที่ 15 - อาทิตย์ที่ 16 มีนาคมนี้ มอบดีลสุดพิเศษ ยูนิต Fully Furnished ราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท พร้อมโปรเด็ด “กู้ได้ 100%” ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงวงเงินกู้สูงสุด อีกทั้งยังการันตีค่าเช่า 29,000 บาทต่อเดือนนาน 1 ปี คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 5% ต่อปี หากปล่อยเช่าไม่ได้ภายในเวลาที่กำหนด ทางโครงการจะชำระค่าเช่าให้ตารางเมตรละ 1,050 บาทต่อเดือน พิเศษสุดเฉพาะผู้ที่จองภายในงาน รับโซฟาแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส Ligne Roset รุ่น Togo มูลค่า 160,000 บาท และเมื่อโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 25 มีนาคมนี้ รับ iPhone16e ฟรี!

เมื่อวันที่ 7 มี.ค.68 นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด กล่าวว่า “สโคป พร้อมศรี เป็นคอนโดมิเนียม Low-rise ระดับพรีเมียม สร้างเสร็จพร้อมอยู่ คุณภาพสูงสุดมาตรฐานสโคป ตั้งอยู่บนทำเล สุดไพรม์ใจกลางซอยพร้อมศรี (สุขุมวิท 39) สามารถเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์สำคัญของกรุงเทพฯ อย่างพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – สุขุมวิท ได้อย่างสะดวกสบาย ตอบโจทย์นักลงทุนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาคอนโดพร้อมอยู่คุณภาพและดีไซน์ที่แตกต่าง พร้อมคอมมิวนิตีที่ดี มีบริการและ Facilities ระดับ 5 ดาว จึงได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวต่างชาติและชาวไทยที่ต้องการเช่าอยู่อาศัยในโซนนี้ ทุกยูนิตที่ฝากเราปล่อยเช่าเกิดปรากฏการณ์ SOLD OUT และมี WAITING LIST ให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ยสูงถึง 5% ต่อปี โครงการจึงกล้าการันตีค่าเช่าเพื่อช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการลงทุน โดยตั้งแต่เปิดปี 2568 มา โครงการได้ปิด    การขายเพิ่มไปแล้วอีกกว่า 15% สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ในตลาดที่มีต่อโครงการสโคป พร้อมศรี”

“สโคป พร้อมศรี” คอนโดสูง 8 ชั้นระดับพรีเมียมที่มาพร้อมคุณภาพระดับ 5 ดาว แตกต่างอย่างโดดเด่นด้วย การออกแบบที่เท่และเป็นสากล วัสดุที่เลือกใช้คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เฟอร์นิเจอร์ของโครงการเลือกใช้ แบรนด์ดัง Ligne Roset จากฝรั่งเศส (เป็นคอนโดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทางแบรนด์ collab ด้วย) ทุกยูนิตใช้กระจก Insulated Low-E ช่วยลดความร้อนจากแสงแดด พร้อมติดตั้ง Acoustic Film ลดเสียงรบกวน และม่านไฟฟ้า Blackout Blind เสริมความเป็นส่วนตัวขั้นสุด และเป็น Low-rise ที่แรกที่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์จาก Miele ครบชุด

พื้นที่ส่วนกลางของสโคป พร้อมศรี ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เหนือชั้นกว่าโครงการ High-rise และ Low-rise อื่นๆ สระว่ายน้ำได้แรงบันดาลใจจาก Cenotes ถ้ำธรรมชาติใน Mexico ที่มีช่องแสงสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Rooftop Lounge ขนาด 370 ตร.ม. สำหรับการจัดงานสังสรรค์ส่วนตัว Facilities ของโครงการครบครันระดับไฮเอนด์ อาทิ ฟิตเนสขนาด 160 ตร.ม. ที่ใช้แบรนด์ Technogym รุ่นโปรเฟชชันแนล, Private Onsen และ Sauna, สระว่ายน้ำระบบ Fresh Water, Private Jacuzzi, Private Storage, EV Charger และเป็นคอนโด Low-rise แห่งเดียวในไทยที่ให้บริการทำความสะอาดฟรีสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รวมถึงบริการ Pet Daycare & Grooming สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง

นอกจากนี้ สโคป ยังมอบโปรโมชันสุดพิเศษ “กู้ได้ 100%*” ให้กับลูกค้าที่สนใจโครงการ “สโคป หลังสวน” ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งแรกหรือแห่งที่สอง ทางโครงการพร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงวงเงินกู้สูงสุดแบบไร้กังวล สำหรับลูกค้าที่จองซื้อที่ “สโคป หลังสวน” ยูนิต 1-Bedroom ค่าจอง เหลือเพียง 250,000 บาท (จาก 500,000 บาท) และ 2-Bedroom ค่าจองเหลือเพียง 500,000 บาท (จาก 1,000,000 บาท) ดีลพิเศษนี้มีถึง 25 มีนาคมนี้เท่านั้น!

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานหรือรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scopecollection.com หรือโทร 02-028-9788อย่าพลาดโอกาสเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

"ธอส." เผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย Q467-แนวโน้มปี 68

"ธอส." เผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย Q467-แนวโน้มปี 68

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.68 นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ขยายตัวดีขึ้น โดยรวมมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 97,413 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 8 ไตรมาส แม้มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศยังลดลง ซึ่งมีจำนวน 275,563 ล้านบาท ลดลง -1.5% แต่ถือเป็นการติดลบในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยการฟื้นตัวขึ้นได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท จากเดิมไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่งผลให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนสิ้นสุดมาตรการในช่วงสิ้นปี 2567 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารชุดมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 33,361 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.9% คิดเป็นมูลค่า 84,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตามหากเทียบกับการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศในปี 2567 พบว่า มีจำนวนหน่วย 347,799 หน่วย ลดลง -5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการโอนอาคารชุดจำนวน 116,439 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์สำหรับอาคารชุดที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้น 9.1% ส่วนที่อยู่อาศัยแนวราบ มีการโอนจำนวน 231,360 หน่วย ลดลง -10.6% ซึ่งลดลงทุกระดับราคา ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2567 มีมูลค่า 980,648  ล้านบาท ลดลง -6.3%  โดยอาคารชุดมีมูลค่าการโอน 297,060 ล้านบาท ลดลง -2.5% เป็นการลดลงจากการโอนอาคารชุดในราคามากกว่า 7 ล้านบาทขึ้นไป แต่ในขณะที่วงเงินไม่เกิน 7 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ที่อยู่อาศัยแนวราบมีมูลค่า 683,588 ล้านบาท ลดลง -7.9% ส่งผลให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2567 มีมูลค่า 167,532 ล้านบาท ลดลง -5.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 177,473 ล้านบาท ทำให้การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในปี 2567 มีมูลค่า 587,344 ล้านบาท ลดลง -13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 678,347 ล้านบาท

สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 คาดการณ์จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยประมาณ 353,389 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.6% โดยเป็นการโอนอาคารชุดประมาณ 116,618 หน่วย เพิ่มขึ้น 0.2% และการโอนที่อยู่อาศัยแนวราบ ประมาณ 236,770 หน่วย เพิ่มขึ้น  2.3% ขณะที่ด้านมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทประมาณ 994,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% โดยเป็นการโอนอาคารชุดมูลค่าประมาณ 298,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% และการโอนที่อยู่อาศัยแนวราบมูลค่าประมาณ 696,181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งมีปัจจัยบวกมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จากมาตรการกระตุ้น

ขณะที่เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ของรัฐบาล และเม็ดเงินจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่คาดการณ์จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจในปีนี้อีก 2.6 แสนล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลให้ประชาชนยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่า ปี 2568 จะมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมูลค่า593,634  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากปี 2567

 

"เสนา" เปิดแผนธุรกิจปี 68 ลุยเจ้าตลาด Affordable 1-3 ล้านบาท เปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่า 13,000 ล้านบาท

SENA เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการพัฒนาและยกระดับการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกมิติของผู้บริโภค ภายใต้กลยุทธ์ "Refined Focus" ต่อยอดจุดแข็งของธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจหลัก พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลคุณภาพ ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ รวม 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ 10,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 14 ก.พ.68 ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะยังคงเผชิญกับปัจจัยท้าทาย ทั้งปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมียอด Pre-Sales สูงถึง 12,500 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ LivNex เช่าออมบ้านที่มียอดขาย 1,900 ล้านบาท จาก 976 ยูนิต และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 6,515 ล้านบาท พร้อมกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสามารถและศักยภาพของเสนาในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง

สำหรับปี 2568 บริษัทเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ 12 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยยังคงเน้นตลาด Affordable Segment ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนาครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 20% หรือมากกว่า 20,000 ยูนิต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 15,500 ล้านบาท และยอดโอน 10,000 ล้านบาท ซึ่งได้รวมสัดส่วนรายได้จากโครงการ LivNex เช่าออมบ้าน  

ทั้งนี้ เสนา พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 เพื่อก้าวข้ามทุกความท้าท้ายและยกระดับมาตรฐานของการเป็น ผู้นำด้านการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living Leader) ผ่านกลยุทธ์ "Refined Focus" ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การพัฒนา แต่คือการยกระดับโครงการและบริการที่มีอยู่ให้ดีที่สุด แบ่งออกเป็น 4 แกนหลัก ดังนี้ 1.No.1 in Affordable Market: เสนาเป็นผู้นำตลาด Affordable ปัจจุบันมีบ้านและคอนโดรวม 12,600 ยูนิต มูลค่ารวม 30,600 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์ ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 54% ของครัวเรือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เสนาเชี่ยวชาญในตลาดนี้และพร้อมยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยให้เข้าถึงได้จริง

2. Strong Partnership: ความร่วมมือกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป พันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนานกว่า 9 ปี พัฒนาโครงการรวม 66 โครงการ มูลค่ากว่า 83,000 ล้านบาท ไม่เพียงเสริมศักยภาพทางการเงินเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริหารของเสนาด้วยธรรมาภิบาลที่ดี และมาตรฐานการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืน และยังคงเดินหน้า จับมือร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยและเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพร่วมกัน

3.SENA Eco System to Make Us Stronger: การขับเคลื่อนธุรกิจที่เสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ของกลุ่มธุรกิจหลัก  
• SenX (เซ็นเอกซ์) – ยกระดับบริการอสังหาริมทรัพย์ด้วยข้อมูลและเทคโนโลยี
- Customer-Centric Data Center: SenX ศูนย์ข้อมูลที่ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการกับเสนา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
- Service Excellence: มุ่งเน้นคุณภาพบริการ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 16 ปี ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
- Sustainable Management: ใช้ Smart Tech บริหารจัดการที่อยู่อาศัยในโครงการอย่างยั่งยืน เช่น ระบบ BMS, Carbon Monitoring, และ Waste Management ผ่านความร่วมมือกับ Recycle Day
- Smart Application: Always on Connectivity กับ แอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีดิจิทัลในการบริการด้านที่พักอาศัย แบบ Seamless เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตแบบ "LIFE SIMPLIFIED" ได้ในทุก ๆ วัน

• SENA Green Energy – ก้าวสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด The New S-Curve
- ขยาย SENA Green Automotive สู่การเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 3 แบรนด์ NETA, LEAP และ DEEPAL รองรับเทรนด์พลังงานสะอาดและอนาคตของการขับเคลื่อน
- SENA Solar Energy เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์ติดตั้งมากกว่า 1,000 ครัวเรือน
- SENA Reforestation ตั้งเป้าปลูกป่า 2,000 ไร่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ประมาณ 11,334 ตันต่อปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม
SENA Eco System ไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงการ แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

4.Sustainable Living Leadership มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ได้แก่
• เดินหน้า แนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House concept) พัฒนา 42 โครงการ รวมจำนวน 4,290 ยูนิต ลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 6,993 ตันคาร์บอนต่อปี
• อีกขั้นของการพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต บ้าน ZEH (Zero Energy House ) New Model  บ้านเดี่ยวติดโซลาร์รูฟพร้อมแบตเตอรี่ กับ Segment High Class “Grand Serie” และเตรียมเปิดตัวครั้งแรก ที่โครงการ เสนา พาร์ค แกรนด์ กม. 9 (SENA Park Grand Ramindra KM.9)  
• ตอกย้ำความสำเร็จ SENA Low Carbon ด้วยการเปิดตัวครั้งแรก แฟล็กชิป คอนโดโลว์คาร์บอน พร้อมเข้าอยู่ 2 โครงการ คือ เฟล็กซี่ เมกะ สเปซ บางนา (Flexi Mega Space Bangna) และ นิช โมโน บางโพ (Niche Mono Bangpo)
• เสนาเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกในไทยที่มุ่งมั่นปลดล็อกโอกาสการเข้าถึงที่อยู่อาศัยผ่านการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และ Generation Rent ที่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นทางการเงิน และมองหาทางเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่จำกัดแค่การซื้อขาด เสนาจึงได้เปิดตัว “LivNex” นวัตกรรมเช่าออมบ้าน เมื่อปีที่ผ่านมา และปีนี้พบ “RentNex” Subscription คอนโด โมเดลของวงการอสังหาฯ ซึ่งได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวทางนี้อย่างชัดเจน โดยมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการ LivNex แล้วกว่า 976 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนการเข้าถึงที่อยู่อาศัยให้เป็นจริงได้ในยุคที่เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยตอบสนองความต้องการของตลาดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
• เดินหน้าบริการ V-Move, Smart Mobility concept นวัตกรรมที่ใช้รถพลังงานไฟฟ้าเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ ตั้งเป้าพัฒนา 24 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 20 โครงการ และบ้าน 4 โครงการ ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 11,720 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1,172,006 ต้น
• The First EV Ready อสังหาฯ รายแรกของไทยที่ติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ในโครงการบ้านและที่อยู่อาศัย และรวมถึงติดตั้ง EV Station ส่วนกลางรายแรก เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับยานยนต์แห่งอนาคต
• เดินหน้าพัฒนา Smart Application ต่างๆ ได้แก่ SENA 360 ให้บริการครอบคลุมทุกเรื่องของการซื้อที่อยู่อาศัย, Sen Prop ให้บริการลูกบ้านทุกเรื่องของการอยู่อาศัยในโครงการ และ Smartify Home ผู้ช่วยในการตกแต่งบ้านและคอนโด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการอยู่อาศัย

โดยนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย นวัตกรรมทางการเงิน และพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญช่วยให้เสนาสามารถปรับตัวและรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง และเสนาจะเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายและเป็นไปได้จริงสำหรับทุกคน

“เสนาไม่ได้มุ่งมั่นแค่การเติบโตทางธุรกิจให้แข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความมั่นคงขององค์กรเท่านั้น แต่เรายังเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คน เรามุ่งสร้างที่อยู่อาศัย ชุมชนและสังคมที่ช่วยลดคาร์บอน ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันที่จับต้องได้ สิ่งที่เราภูมิใจที่สุดไม่ใช่แค่การสร้างและขายบ้าน แต่คือการมอบ ‘Decarbonized Lifestyle’ ให้กับลูกบ้าน เพียงใช้ชีวิตตามปกติ ก็สามารถมีส่วนร่วมในการดูแลโลกได้ ในปีนี้เสนาตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไม่น้อยกว่า 10,235 ตัน หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 1,020,000 ต้น ควบคู่ไปกับการตั้งเป้าเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางการเงินสามารถเป็นเจ้าของบ้านคุณภาพได้ง่ายขึ้น จำนวน 1,000 ยูนิต ภายใต้โครงการ ‘LivNex เช่าออมบ้าน’ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยสร้างความมั่นคงในชีวิต เสนาเชื่อว่าความยั่งยืนและการเติบโตทางธุรกิจต้องไปด้วยกัน รายได้สำคัญ การดูแลโลกก็สำคัญไม่แพ้กัน และเราจะเดินหน้าต่อไป ในฐานะ Sustainable Living Leader ที่สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม” ดร.ยุ้ย-เกษรากล่าวทิ้งท้าย