อยากเห็น "นายกฯอิงค์ "ดีเบต" ไหม ศิริกัญญา" ปมแนวคิดขึ้น VAT 15%

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" ระบุว่า

อยากเห็นคุณอิ๊ง ดีเบต คุณไหม

หลังจากนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยถึงแนวคิดการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 7% เป็น 15% ได้มีเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วนอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ยังออกมาท้วงติงหลายคน เช่น นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นางนฤมล ภิญโญศิวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม หรือนายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดงผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จนนักข่าวต้องไปสอบถามความเห็นจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่ได้คำตอบ โยนให้เป็นหน้าที่ของนายพิชัยอธิบายรายละเอียดแทน

เมื่อวานนางสาวแพทองธาร ได้ประชุมคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้ข้อสรุปว่า จะยกเลิกแนวความคิดการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มไปก่อน แต่ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพราะกลัวถูกนักข่าวซักถามในรายละเอียด จนไม่สามารถตอบคำถามได้ จึงใช้วิธีการทวิตข้อความจากเอ็กซ์ หรือทวิตเตอร์ โดยแอคเคาน์ Ing Shin หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีข้อความระบุว่า “จากข้อกังวลใจของพี่น้องประชาชน ต่อเรื่อง VAT15% วันนี้ ดิฉันได้พูดคุยหารือในประเด็นดังกล่าว กับท่านรองนายกรัฐมนตรีพิชัย ร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อความชัดเจน ได้แจ้งเหตุผลเป็นข้อความ 4 ข้อ“

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่านางสาวแพทองธารเป็นคนคิดนโยบายนี้และไม่ได้รับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น จึงไม่สามารถให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวได้ และวันนี้แม้ว่าจะได้พูดคุยในวงประชุมคณะที่ปรึกษาแล้ว ก็ยังไม่สามารถนำเอาสาระผลการประชุมมาอธิบายกับสื่อมวลชนได้ จึงใช้วิธีการสื่อสารฝ่ายเดียวตามที่ปรากฏในเอ็กซ์หรือทวิตเตอร์

เมื่อเรื่องนี้ได้ข้อยุติรัฐบาลเข้าเกียร์ถอย รัฐบาลยอมเสียหน้า ถอยไปตั้งหลักก่อน และคนที่เป็นหนังหน้าไฟ ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้เต็มๆอย่างปฏิเสธไม่ได้ คือนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ออกมาเปิดเผยจนเป็นประเด็นข่าว ทั้งที่เรื่องนี้นายทักษิณ ชินวัตร เคยพูดมาก่อนบนเวที Forbes มาก่อนแล้ว

ผมอยากเห็นนางสาวแพทองธาร ได้แสดงภูมิรู้ ด้วยการดีเบตเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล กับนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เพื่อพิสูจน์ความรู้ความสามารถของคนเป็นนายกรัฐมนตรี หรือจะใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกระทู้ถามสด และให้นางสาวแพทองธาร มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง ห้ามมอบหมายหรือใช้ผู้อื่นมาตอบแทน เพื่อจะได้วัดกึ๋นความเป็นผู้นำประเทศของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร

“ภูมิธรรม” โต้ขึ้น VAT 15% คลังถังแตกเหตุดิจิทัลวอลเล็ต โยน “พิชัย” แจงรายละเอียด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. 67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% ที่ถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ว่า รัฐบาลพยายามดูอยู่ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่ตนคิดว่ารอให้สรุปชัดเจนก่อน เพราะขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการกำลังทำ และคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เราประคองมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งต้องดูว่าจะเป็นไปต่อหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ต้องขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลถังแตกจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับถังแตกหรือไม่ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ควร เพื่อให้การจัดการภาษีเกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย นับเป็นหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับทุกส่วน ซึ่งกระทรวงการคลังต้องไปดู แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนปัจจัยในการขึ้นภาษีครั้งนี้ ต้องไปถามกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะท่านมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คณะรัฐมนตรี ( ครม.) ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้นำเข้าที่ประชุม แต่เชื่อว่าเมื่อนายพิชัยพร้อมและตัดสินใจได้ คงมีการชี้แจงที่ชัดเจน ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลและนายกฯ คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ ก็จะทำให้มีความเดือดร้อนน้อยที่สุด 

"ทีดีอาร์ไอ" ชง 4 แนวทางปรับโครงสร้างภาษี-ขึ้น VAT แบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 1%

"ทีดีอาร์ไอ" ชง 4 แนวทางปรับโครงสร้างภาษี-ขึ้น VAT แบบค่อยเป็นค่อยไปครั้งละ 1%

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.67 จากกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงแผนการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์  โดยหนึ่งในนั้น เสนอปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผลจากการศึกษาพบว่า ทั่วโลกมีการเก็บอยู่ที่อัตราระหว่าง 15-25% ขณะที่ไทยเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากอัตราที่กำหนดไว้ 10% นั้น

ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึงสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Somchai Jitsuchon ระบุว่า 

ข้อเสนอปรับรายละเอียดมาตรการภาษี

1.ภาษี VAT ควรขึ้น แต่ค่อยเป็นค่อยไป เช่นขึ้น 1% ก่อนแล้วหาจังหวะในอนาคตขึ้นทีละ 1% แต่ไม่ประกาศล่วงหน้า เพราะอาจทำให้เกิดการคาดการณ์เงินเฟ้อ (inflation expectation) ได้ แล้วไปจบที่ 10% ภายใน 5 ปี

1.1 รัฐบาลสัญญาและทำตามสัญญาว่าจะเอาเงินภาษี VAT ที่เพิ่มขึ้นได้มาใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ต่อคนจน ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบางเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเลย แต่ไม่ใช่ประชานิยมระยะสั้น

2.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ควรเป็น flat rate อย่างที่เสนอ แม้จะมีข้อดีบางข้อ เช่นคำนวณง่าย ทำให้คนอยากทำงานมีรายได้สูง ๆ โดยไม่ต้องกลัวอัตราภาษีสูงตามไปด้วย แต่ข้อเสียมากกว่าคือไม่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ

2.1 ควรพิจารณาปรับลดพวกค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ให้ประโยชน์กับคนรายได้สูง

2.2 ถ้าจะใช้ flat rate ควรใช้กับเงินได้จากดอกเบี้ยและปันผลที่ปัจจุบันแยกคำนวณมากกว่า

3.ภาษีเงินนิติบุคคล ถ้าจะลดเหลือ 15% ก็ควรยกเลิกสิทธิประโยชน์ BOI ไปด้วย จะได้แฟร์และดึงดูดการลงทุนอย่างทั่วถึงแทนที่จะเป็นบางอุตสาหกรรมที่ก็ไม่รู้ว่าให้ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยเท่าไรกันแน่ ใช้มาตรการอื่นดึงดูดแทนดีกว่า เช่นพัฒนาทักษะแรงงานไทย ปรับเลิกกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น ป้องกันการเรียกใต้โต๊ะของ ขรก. สารพัดสี

4.สำคัญคืออย่าลืมเก็บภาษีบนฐานทรัพย์สิน เช่น capital gain, windfall tax ด้วยนะจ๊ะ (กินยาไรไปถึงลืมได้อ่ะ)

#ข่าววันนี้ #ภาษีมูลค่าเพิ่ม #ขึ้นแวต #ทีดีอาร์ไอ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ภาษีเงินได้นิติบุคคล #สมชัยจิตสุชน