“กรุงศรี ออโต้” ส่งมอบห้องสมุดแห่งที่ 16 "ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี"

ปัจจุบัน ขณะที่เด็กในเมืองจำนวนมากสามารถค้นคว้าหาความรู้อย่างว่องไวและไร้พรมแดนผ่านโลกอินเทอร์เน็ต แต่กลับมีเด็กหลายคนในพื้นที่ชายแดนห่างไกลที่ยังคงต้องการเพียงหนังสือสักเล่มในการค้นคว้าหาความรู้ เพราะข้อจำกัดด้านการเดินทางและการติดต่อสื่อสาร ด้วยเหตุนี้ “ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้” จึงเปรียบเสมือนประตูสู่พื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชนในหมู่บ้านไกรเกรียง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มักจะใช้เวลาว่างจากการเรียน เพื่อพักผ่อนและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการอ่านหนังสือเพื่อเติมความรู้และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ที่มีได้แบบไม่รู้จบ

ด้วยความเชื่อว่า “โอกาสทางการศึกษา” ควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จึงสานต่อพันธกิจในการสนับสนุนภาคการศึกษา ด้วยการส่งมอบ “ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ แห่งที่ 16” ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี (บ้านไกรเกรียง) อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี (ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง) ภายใต้โครงการโรงเรียนสีเขียว (INSEE Green School) ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจที่ “กรุงศรี ออโต้” ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้แนวคิด “Sustainability in Everyday Life (คุณค่าที่สร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน)  

นางสาวสิริพร ศุภรัชตการ ประธานคณะกรรมการอาสาสมัครกรุงศรี ออโต้ กล่าวว่า โครงการ ‘ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้’ เริ่มต้นจากความตั้งใจเล็ก ๆ ที่อยากมอบโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพให้กับเด็กทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงใด เพราะเราเชื่อว่าห้องสมุดไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับอ่านหนังสือ แต่คือโลกใบใหม่ที่เปิดประตูสู่จินตนาการ และพัฒนาทักษะรอบด้านให้กับเยาวชน เราภูมิใจที่ได้ส่งมอบห้องสมุดกรุงศรี ออโต้ แห่งที่ 16 พร้อมอุปกรณ์การเรียนและคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เด็ก ๆ ของ ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง ได้เติบโตและพัฒนาศักยภาพของตัวเองด้วยโอกาสที่เท่าเทียมกัน และก้าวทันโลกแห่งการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่งได้

ด.ต.ชูเกียรติ คงศรี ครูใหญ่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี (บ้านไกรเกรียง) กล่าวว่า ห้องสมุดแห่งนี้ทำให้นักเรียนของ ศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง ได้มีโอกาสเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ที่กว้างไกลยิ่งขึ้น เป็นที่รู้กันดีว่าการจัดตั้งศูนย์การเรียนในพื้นที่ชายแดนนั้นมีความท้าทาย สำหรับเด็กที่อยู่แนวเขตชายแดนของประเทศนั้นมีความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งความรู้ด้วยทรัพยากรที่มีจำกัด ดังนั้นการที่ กรุงศรี ออโต้ ได้จัดเตรียมหนังสือที่หลากหลายเหมาะสมสำหรับเด็กในแต่ละระดับชั้น พร้อมด้วยห้องสมุดแห่งนี้ จึงถือเป็นความร่วมมือที่ช่วยต่อยอดความตั้งใจของผมในการเป็นครูของเด็ก ๆ ที่นี่ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กในพื้นที่ห่างไกลนั่นก็คือความรู้ ที่ไม่เพียงจะช่วยต่อยอดด้านความคิด แต่ยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านในต่าง ๆ ที่มีความสำคัญในการใช้ชีวิตอีกด้วย

น้องรถถัง หรือ ด.ช. พิชญะ ไล้โจ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กล่าวว่า ผมชอบมาที่ห้องสมุดกับเพื่อน ๆ เป็นประจำเลยครับ พวกเราชอบมานั่งเล่นเกมและทำกิจกรรมในช่วงเวลาพัก ส่วนมากผมเห็นว่าพี่ ๆ หลายคนชอบหยิบหนังสือที่เป็นวรรณกรรมเยาวชนหรือหนังสือวิทยาศาสตร์ มาอ่าน ส่วนตัวผมเองชอบอ่านนิทานเรื่อง ‘เต่าสองตัวกับหมวกหนึ่งใบ’ เพราะนิทานเรื่องนี้สนุก มีภาพเต่าตัวเล็กน่ารัก และยังสอนเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนและการแบ่งปัน ทำให้ผมเข้าใจการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนและรักเพื่อนมากขึ้นด้วยครับ

น้องแก้ม หรือ ด.ญ. ปิ่นมณี งามยิ่ง นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กล่าวว่า หนูเข้ามาห้องสมุดทุกวันเลยค่ะ เพราะได้ทำหน้าที่เป็น ‘บรรณารักษ์น้อย’ คอยดูแลความเรียบร้อย ลงทะเบียนผู้ใช้ และติดตามการยืม-คืนหนังสือของห้องสมุด ซึ่งทำให้หนูได้ฝึกทักษะความเป็นผู้นำจากการเป็นบรรณารักษ์น้อย ผ่านการคอยประสานงาน พร้อมกับการดูแลให้ทุกคนใช้ห้องสมุดอย่างเป็นระเบียบ หนูดีใจมากที่ได้รับคอมพิวเตอร์ จาก กรุงศรี ออโต้ มาช่วยจัดการข้อมูล ทำให้ทุกอย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น จนทำให้งานบรรณารักษ์กลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกกว่าเดิมด้วย หนูมองว่าหน้าที่นี้ทำให้หนูมีความรับผิดชอบและรู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่นมากขึ้นค่ะ

นอกเหนือจากการบริจาคห้องสมุดให้กับศกร.ตชด. บ้านไกรเกรียง แล้ว กรุงศรี ออโต้ ยังได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้เรื่องการเงินพื้นฐานแก่นักเรียน พร้อมส่งเสริมการเข้าถึงความรู้ทางการเงินผ่าน ‘มุมการเงิน’ ในห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ ที่รวบรวมหนังสือเยาวชน ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างนิสัยรักการออมตั้งแต่เนิ่น ๆ  พร้อมเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเงินอย่างรู้คุณค่าในอนาคต

ซื้อรถมือสองอย่างมั่นใจ! กรุงศรี ออโต้ เปิดเทคนิคตรวจเช็กรถมือสอง เช็กจุดสำคัญก่อนตัดสินใจ

ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คันแรก หรือคันใหม่ที่ตามหาในงบจำกัด “รถยนต์มือสอง” ยังคงเป็นทางเลือกที่หลายคนสนใจ แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ การตรวจเช็กรถอย่างรอบด้านยังคงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะต่อให้ภายนอกของรถจะถูกใจแค่ไหน หากมีปัญหาแอบแฝง ก็อาจกลายเป็นภาระทั้งค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยในระยะยาว

กรุงศรี ออโต้ ขอแนะนำแนวทางการตรวจสอบรถยนต์มือสองเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ใช้รถมั่นใจยิ่งขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองที่คุ้มค่าสักคัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างไร้กังวลในทุกเส้นทาง

1.รูปทรงและสี

รูปทรงหรือสัดส่วนของรถจะต้องเท่ากันทั้งสองข้าง สามารถมองออกได้ด้วยสายตา หากไม่เท่ากัน สันนิษฐานได้เลยว่าอาจจะเคยถอดออกมาซ่อม ส่วนสีสามารถตรวจเช็กดูได้จากการเคาะที่ตัวถังเบา ๆ หากรถที่ยังไม่ได้ทำสี เสียงจะโปร่ง ๆ แต่ถ้ารถมีการทำสีมาใหม่เสียงจะออกทึบ ๆ เกิดจากความไม่สม่ำเสมอของสีนั่นเอง

2.ประตูจุดเชื่อมต่าง ๆ คาน ประตูและขอบประตู

โดยดูรอยที่หัวน็อตว่ามีร่องรอยของการถอดไหม มีร่องรอยจากการทำสีมาใหม่หรือไม่ ถ้าหากมีรอยซ่อมแซมมีโอกาสที่จะผ่านการชนมา ส่วนแก้มข้างให้ดูที่รอยนูนทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งสองด้านจะต้องเท่ากัน จุดเชื่อมต่าง ๆ จะมีรอยอาร์คอยู่ รอยอาร์คคือร่องรอยการเย็บติดกันของตัวถังกับประตู โดยจะต้องสม่ำเสมอกัน แค่ดึงยางขอบประตูออก ก็สามารถเช็กได้แล้ว

3.ดูช่วงล่าง เครื่องยนต์ และเกียร์

วิธีสังเกตเครื่องยนต์นั้นง่ายมาก เพียงแค่ลองเหยียบคันเร่งแล้วลองฟังเสียงและดูเกจ์วัด ว่าทำงานปกติหรือไม่ มีเสียงเครื่องยนต์ทำงานแปลก ๆ หรือไม่ ส่วนช่วงล่างแค่เช็กดูว่าการตอบสนองเป็นอย่างไร ก็เพียงพอที่จะจับใจความได้ว่า ช่วงล่างยังดีอยู่หรือไม่

4. เช็กส่วนประกอบอื่นๆ ได้แก่

- แอร์ เมื่อเจอความร้อน แอร์มีความเย็นเพียงพอหรือไม่

- ไฟฟ้า ระบบไฟต้องใช้งานได้ปกติ เสียงแตรต้องดัง ไม่มีขัดข้อง

- พวงมาลัย หมุนได้ปกติ ไม่มีเสียงแปลก ๆ

- เลขไมล์ ถ้าผ่านการเช็กระยะจากศูนย์ ถือว่าไว้ใจได้

- กลิ่น ถ้ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แสดงว่าอาจจะผ่านการน้ำท่วมมาก่อน

- ระบบล็อกรถ ทำงานได้ปกติทั้งสี่บาน

- ตรวจสอบเอกสารรถยนต์

- เลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์จะต้องตรงกับในเล่มเอกสารรถยนต์ โดยตำแหน่งเลขของแต่ละยี่ห้อและรุ่นจะต่างกันซึ่งในเล่มจะระบุตำแหน่งของเลขเอาไว้ชัดเจน

เช็กลิสต์ 4 ข้อสำคัญนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจในการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม หรืออาจต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำยิ่งขึ้น

กรุงศรี ออโต้ ขอแนะนำฟีเจอร์ ‘GO Auto Station’ แหล่งซื้อขายรถยนต์มือสอง-สินเชื่อ-บริการหลังการขาย แบบครบวงจร บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ให้ลูกค้าได้เลือกรถยนต์มือสองที่การันตีคุณภาพมากที่สุดในตลาดกว่า 130,000 คัน จากพันธมิตรแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองชั้นนำ รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วของกรุงศรี ออโต้ กว่า 2,000 รายทั่วประเทศ พร้อมเชื่อมต่อบริการสินเชื่อ ประกันภัย และบริการหลังการขายไว้ในที่เดียว มั่นใจตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายทุกขั้นตอน

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดและใช้งานฟีเจอร์ GO Auto Station ผ่านแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ได้แล้ววันนี้ที่ https://kautolink.com/ujo42Z    

“Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” กลับมาอีกครั้ง! รวม 29 แบรนด์ยานยนต์ให้ทดลองขับในที่เดียว

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) เชิญชวนเคนที่กำลังมองหารถป้ายแดงมาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนตัดสินใจซื้อรถ ในงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” งานทดลองขับขี่รถสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งสันดาปและอีวี กว่า 29 แบรนด์ 70 รุ่น ไว้ในที่เดียว พร้อมจัดเต็มโปรโมชันสุดคุ้มสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในงาน ลุ้นรับสิทธิ์ถึง 3 ต่อ และโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 500 บาท และรับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เฉพาะภายในงานระหว่างวันที่ 16–17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK)

กรุงศรี ออโต้ ตอกย้ำการเป็นผู้นำในบริการสินเชื่อยานยนต์ ด้วยบริการทดลองขับขี่แบบครบวงจร เจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาด ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ด้วยการให้ลูกค้าได้ทดลองขับขี่จริงก่อน เพื่อเพิ่มความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ ผ่านการจัดงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในครั้งนี้ กรุงศรี ออโต้ กลับมาในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่ผ่าน 4 โซนหลัก เพื่อเชื่อมต่อผู้บริโภคกว่า 3,000 คน และพันธมิตรยานยนต์กว่า 29 แบรนด์ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองขับขี่กันอย่างจุใจ โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย

•Test Drive & Ride Zone ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจซื้อรถได้สัมผัสประสบการณ์ทดลองขับขี่ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มากกว่า 70 รุ่น จากกว่า 29 แบรนด์ชั้นนำ บนเส้นทางทดสอบที่ออกแบบมาให้สามารถสัมผัสสมรรถนะจริงของรถ เพื่อให้ผู้ทดลองสามารถพิจารณาก่อนตัดสินใจ โดยผู้ลงทะเบียนสามารถเลือกทดลองได้สูงสุดถึง 3 คันต่อคน 

•Krungsri Auto Advisory Zone พบกับทีมที่ปรึกษาด้านการเงินจาก กรุงศรี ออโต้ ที่พร้อมให้คำแนะนำ และช่วยวางแผนการผ่อนชำระให้เหมาะกับอาชีพ รายได้ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล 

•Market Zone รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักรถและการเดินทาง อาทิ หมวกกันน็อคที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Glancing Off ที่ช่วยเบี่ยงเบนแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MUFU กล้องติดหมวกกันน็อค อันดับ 1 จากประเทศไต้หวัน ที่มีความสามารถในการบันทึกภาพอัตโนมัติ PT Maxnitron น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% คุณภาพสูง เกรดพรีเมียม พร้อมด้วยสินค้าและอุปกรณ์เสริมอื่นอีกมากมาย 

•Fill the Tank Zone อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดจากร้านดัง ที่ขนทัพมาเสิร์ฟถึงหน้างานให้ลิ้มลองอย่าง ร้านสุกี้พรศิริ ร้านคั่วไก่ไอ้เครา ร้านกาแฟพันธุ์ไทย และร้านอาหารชื่อดังอื่น ๆ ที่น่าลิ้มลอง

ทั้งนี้ พลาดไม่ได้กับหลากหลายข้อเสนอสุดพิเศษ! กรุงศรี ออโต้ ยังได้ขนทัพผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อ รวมถึงรางวัลมากมายสำหรับลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025 ไม่ว่าจะเป็น 

แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อรถใหม่ ‘กรุงศรี นิว คาร์’ รับสิทธิ์ 2 ต่อ 
•ต่อที่ 1: ลูกค้าที่ร่วมงานและสมัครสินเชื่อรถยนต์ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 70 รางวัล มูลค่าสูงสุด 10,990 บาทต่อสัญญา รวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท 

•ต่อที่ 2: ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 รับเพิ่มบัตรของขวัญกรุงศรี (Krungsri Gift Card) มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท 

•ต่อที่ 3: ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าเก่าที่ปิดบัญชีไม่เกิน 5 ปี (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ประกันภัย) รับสิทธิ์ลุ้นทองคำ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 สัญญาเช่าซื้อ จากแคมเปญ ‘Welcome Back กรุงศรี นิว คาร์ รวมมูลค่า 1 ล้านบาท

แคมเปญสำหรับผู้ขอสินเชื่อ ‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ และ ‘กรุงศรี บิ๊ก ไบค์’
•ลูกค้าที่สมัครสินเชื่อภายในงาน พร้อมได้รับอนุมัติเป็นเลขที่สัญญา และรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 จะได้รับของสมนาคุณตามประเภทรถ ได้แก่
oBig Bike ขนาด 250 ซีซี. ขึ้นไป รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 500 บาท
oNormal Bike และ Junior Bike ขนาดไม่เกิน 250 ซีซี. รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 200 บาท
oEV Bike รับบัตรกำนัล Lotus’s มูลค่า 200 บาท

•รับเพิ่ม! กรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับลูกค้าที่จองและทำสัญญาภายในงาน และได้รับอนุมัติภายใน 90 วัน

ลูกค้าปัจจุบัน กรุงศรี ออโต้ และผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “Krungsri Auto Ultimate Test Drive & Ride 2025” ได้ระหว่างวันที่ 16 - 17 สิงหาคม 2568 เวลา 09:00 – 17:00 น. ณ บราโว บีเคเค (Bravo BKK) โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม - 13 สิงหาคม 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsriauto.com/auto/Promotion/ultimate_testdrive.html 

มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดครบครันสำหรับคนรักรถ หารถที่ถูกใจและข้อเสนอทางการเงินที่ตอบโจทย์ได้ในงานนี้เท่านั้น!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ผู้ให้บริการกำหนด
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว 
*กรุงศรี นิว คาร์ อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 1.98% - 5.25% (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 3.81% - 9.80% ต่อปี)  กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 11.88% - 13.44% ต่อปี (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 21.38% - 23% ต่อปี)  กรุงศรี บิ๊ก ไบค์ อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 3.19% - 13.80% ต่อปี (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 5.74% - 23% ต่อปี)เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรม
*ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 - 13 สิงหาคม 2568 เท่านั้น
*ผู้ลงทะเบียนทดลองขับขี่สามารถเลือกรถสำหรับทดสอบได้จำนวน 3 คัน ทั้งนี้ ทางผู้จัดงานขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงแบรนด์และรุ่นรถที่เข้าร่วมในงานได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
*เมื่อลงทะเบียนทดลองขับขี่เรียบร้อยแล้ว ระบบจะจัดส่งอีเมลยืนยันไปยังอีเมลที่ใช้ลงทะเบียน ภายใน 1 วันทำการ ก่อนถึงวันงานเจ้าหน้าที่จะโทรติดต่อตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อยืนยันการเข้าร่วมกิจกรรม
*ผู้ลงทะเบียนทดลองขับขี่จะต้องนำใบอนุญาตขับขี่มาแสดง และพกติดตัวไว้ตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมงานนี้ มิฉะนั้น จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการทดลองขับขี่
*ผู้ลงทะเบียนทดลองขับขี่จะต้องมาแสดงตัวที่หน้างานก่อนถึงเวลาที่จองไว้อย่างน้อย 30 นาที
*ผู้ลงทะเบียนทดลองขับขี่สามารถพาผู้ติดตามเข้าร่วมงานได้ โดยผู้ติดตามจะได้รับสิทธิ์ในฐานะผู้โดยสารเท่านั้น (สำหรับการทดลองขับรถยนต์) ไม่สามารถเข้าร่วมทดสอบขับขี่ได้

 

"กรุงศรี ออโต้" เผยพฤติกรรมผู้ใช้รถใหม่ทั่วภูมิภาค พบคนกรุงนิยมอีวี-กระบะครองใจอีสาน-ดิจิทัลบูมภาคใต้-เก๋งและกระบะตอบโจทย์คนเหนือ

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยอินไซต์ผู้ใช้รถตามภูมิภาค อ้างอิงจากข้อมูลการขอสินเชื่อยานยนต์ ชี้กรุงเทพฯและปริมณฑล นำเทรนด์ใช้รถอีวี  เน้นผ่อนสั้น-จบไว ภาคเหนือนิยมรถกระบะและรถเก๋งขนาดกลางเน้นความคุ้มค่าและความทนทาน ภาคอีสาน ใช้กระบะเป็นเครื่องมือสร้างรายได้ของคนทุกเจเนอเรชัน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัว ขณะที่ภาคตะวันออกขับเคลื่อนด้วยรถเก๋งขนาดกลางและขนาดใหญ่ในเขตเมืองอุตฯ ส่วนภาคใต้ใช้กระบะฝ่าภูเขา–ชายฝั่ง พร้อมขึ้นแท่นภูมิภาคที่มีการใช้บริการสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลสูงเป็นอันดับสองของประเทศ

นายคงสิน คงคา ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ประเทศไทยมีความหลากหลายในเชิงภูมิประเทศและโครงสร้างประชากร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวโน้มการเลือกซื้อและการขอสินเชื่อยานยนต์ ซึ่งจากการที่ กรุงศรี ออโต้ ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้รถในแต่ละภูมิภาค พร้อมนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พบว่า รถเก๋งขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มไฮบริด ได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะที่ผู้ใช้รถ Gen X อายุระหว่าง 45-60 ปี ที่มีรายได้ตั้งแต่ 45,000 บาทขึ้นไป ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเลือกใช้รถเก๋งขนาดใหญ่และรถกระบะ เพื่อความสะดวกสบาย ใช้งานในครัวเรือนและการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม”

“จากอินไซต์ความแตกต่างของผู้ใช้รถในแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นประเภทรถที่ได้รับความนิยม อาชีพ รายได้ พฤติกรรมการขอสินเชื่อ หรือแม้แต่การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้กรุงศรี ออโต้ ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายในการเป็นที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ ที่สามารถออกแบบโซลูชันให้สามารถตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด ครอบคลุม และเข้าใจบริบทของผู้ใช้รถในแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง” นายคงสิน กล่าวเสริม

เมืองหลวงนำเทรนด์! คนกรุงนิยมรถใหม่ พร้อมเทใจให้รถอีวี

กรุงเทพมหานครยังคงเป็นหัวใจของธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทย โดยครองอันดับหนึ่งของประเทศในด้านยอดขายรถยนต์ ด้วยสัดส่วนที่สูงกว่าภูมิภาคอื่นอย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างชัดเจนคือ รถยนต์ไฟฟ้า และรถเก๋งขนาดใหญ่ โดยในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า มีแบรนด์ยอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ BYD, AION, MG, Deepal (CHANGAN) และ GWM ORA ส่วนหนึ่งมาจากการติดตั้งสถานีชาร์จที่ครอบคลุมทั่วพื้นที่กว่า 1,500 แห่ง รวมถึงการติดตั้งที่ชาร์จภายในบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการนวัตกรรมยานยนต์ที่ทันสมัยและประหยัดพลังงาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องเผชิญกับการจราจรหนาแน่นในชีวิตประจำวัน ขณะที่รถเก๋งขนาดใหญ่ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากมีทางเลือกที่หลากหลาย ทั้งจากแบรนด์ญี่ปุ่นและยุโรป และในหลากหลายรูปแบบขุมพลัง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ไฮบริด (HEV) หรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้รถ นอกจากนี้ พฤติกรรมการขอสินเชื่อของผู้ใช้รถในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีแนวโน้มเลือกผ่อนชำระในระยะเวลาที่สั้นกว่าภูมิภาคอื่น โดยส่วนใหญ่เลือกผ่อนในช่วง 4-5 ปี สะท้อนถึงศักยภาพในการชำระหนี้และการวางแผนปิดภาระทางการเงินภายในระยะเวลาที่สามารถควบคุมได้

รถเล็ก-ใหญ่ครองใจ คนภาคกลางเลือกรถตอบโจทย์ทั้งชีวิตและธุรกิจ

นอกเหนือจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ความนิยมในรถเก๋งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เพิ่มขึ้นในเขตภาคกลางเช่นกันซึ่งรวมกันคิดได้เป็นสัดส่วนสูงถึง 43.3% ของทั้งภูมิภาค สะท้อนถึงพฤติกรรมการเลือกใช้รถที่หลากหลายและตอบโจทย์ตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน สำหรับรถเก๋งขนาดใหญ่ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของกิจการ นิยมเลือกใช้รถที่รองรับการเดินทางไกลและใช้งานในเชิงธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รถเก๋งขนาดเล็กก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด คล่องตัว และประหยัดค่าใช้จ่าย เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

คนเหนือใช้งานจริงจัง กระบะ–เก๋งขนาดกลางตอบโจทย์

ภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มียอดขายรถกระบะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดกลางสูงที่สุด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ โดยไม่นับรวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนพฤติกรรมการเลือกใช้รถที่สอดคล้องกับลักษณะการใช้ชีวิตและภูมิประเทศของพื้นที่ โดยรถกระบะได้รับความนิยมสูงสุดจากความสามารถในการรองรับการใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดในพื้นที่ภูเขา หรือการใช้งานในเชิงพาณิชย์และธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของภาคเหนือในฐานะหัวเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ขณะเดียวกัน รถเก๋งขนาดกลางก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหลัก จากความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่เหมาะกับทั้งชีวิตประจำวันและการเดินทางระยะไกล นอกจากนี้ ภาคเหนือยังเป็นภูมิภาคที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในประเทศเมื่อไม่รวมกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าประเภทซีดาน ซึ่งเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น

อีสเทิร์นซีบอร์ดไลฟ์สไตล์ครบครัน! รถเก๋งขนาดกลาง-ใหญ่และรถไฟฟ้ารุกตลาด

ภาคตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดสำคัญที่ผสานศักยภาพด้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กับการท่องเที่ยวอย่างลงตัว โดยเฉพาะจังหวัดระยองที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 165 แห่ง และพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อย่างจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา พร้อมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งมีประชากรแฝงและความต้องการใช้งานรถยนต์ส่วนบุคคลในระดับสูง โดยรถเก๋งขนาดกลางและใหญ่ได้รับความนิยมและมีสัดส่วนถึง 51.7% ของยอดขายรถทั้งหมด และภาคนี้ยังมีการเติบโตของรถไฟฟ้าอเนกประสงค์ ที่มากที่สุดอยู่ที่ 62% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

กระบะคือของมันต้องมี! อีสาน Gen Z ใช้สร้างตัว

ภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่กว้างใหญ่และครอบคลุมหลายจังหวัด ทำให้ผู้ใช้รถ นิยมทั้งรถเก๋งขนาดใหญ่และรถกระบะเพื่อรองรับการเดินทางและการใช้งานที่หลากหลาย โดยรถเก๋งขนาดใหญ่ได้รับความนิยมในฐานะตัวเลือกที่สะดวกสบายสำหรับการเดินทางระยะไกล ขณะที่รถกระบะยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลักของผู้ใช้รถในภาคอีสาน โดยมีสัดส่วนยอดขายรองลงมาจากภาคเหนือ ด้วยความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและประกอบอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z (อายุไม่เกิน 28 ปี) ที่มักเลือกใช้รถกระบะตอนเดียวสำหรับประกอบอาชีพ และกลุ่ม Gen X (อายุ 45-60 ปี) รวมถึง Baby Boomer (อายุมากกว่า 61 ปี) ที่นิยมรถกระบะสองตอนซึ่งใช้งานได้หลากหลาย ทั้งกิจกรรมครอบครัวและการเดินทางส่วนตัว โดยทั้งสองประเภทนี้รวมกันมีสัดส่วนถึง 43.1% ของยอดขายทั้งหมด

ภาคใต้ขับกระบะลุยภูเขา–ชายฝั่ง คล่องเทคโนโลยีติดอันดับ 2 สินเชื่อยานยนต์ดิจิทัล

ภาคใต้เป็นภูมิประเทศที่มีความหลากหลายทั้งภูเขาและชายฝั่งทะเล ทำให้ผู้ใช้รถในภาคใต้นิยมใช้รถกระบะและรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (PPV) ที่ตอบโจทย์ด้านการใช้งานในพื้นที่ ทั้งในชีวิตประจำวันและในบริบทของการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40.6% ของยอดขายรถทั้งหมด สะท้อนถึงความต้องการใช้งานรถที่เน้นความทนทานและสมรรถนะ นอกจากนี้ อีกหนึ่งพฤติกรรมเด่นของผู้ใช้รถในภาคใต้ คือ การเปิดรับช่องทางดิจิทัล เห็นได้จากสัดส่วนการขอสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลถึง 80% เป็นอันดับสองของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ ที่ 94% แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้รถในภาคใต้ไม่เพียงมีความคุ้นเคยกับการใช้งานออนไลน์ แต่ยังไว้วางใจบริการทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลเป็นอย่างมาก

"กรุงศรี ออโต้" เดินหน้าส่งเสริมความปลอดภัยผ่านโครงการ LET’sponsible แจกหมวกกันน็อกเด็ก 4,500 ใบในแคมเปญ The Life Saver 

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สานต่อพันธกิจในการสร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น ปลุกความรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านแคมเปญ #สั่งก่อนเสีย (The Life Saver) ภายใต้โครงการ LET’sponsible เดินหน้ารณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ด้วยการมอบหมวกกันน็อกสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี จำนวน 4,500 ใบ โดยเปิดให้ผู้ปกครองลงทะเบียนรับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน – 10 สิงหาคม 2568 แบ่งเป็นสำหรับบุคคลทั่วไป 3,000 ใบ และสำหรับลูกค้าปัจจุบันของกรุงศรี ออโต้ 1,500 ใบ พร้อมส่งภาพยนตร์สั้น หวังกระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกให้เด็กก่อนเดินทาง เพื่อสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน ในปี 2567 ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์บนท้องถนน มีมากถึง 91.16% สวนทางกับสถิติการสวมหมวกกันน็อกของคนไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยกลุ่มที่มีอัตราการสวมหมวกสูงสุดคือวัย 16-29 ปี อยู่ที่ 18.86% ขณะที่กลุ่มเปราะบาง อย่างเด็กอายุ 1–15 ปี กลับมีอัตราการสวมหมวกกันน็อกเพียง 4.60% เท่านั้น  สิ่งนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเร่งสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยบนท้องถนนและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเร่งด่วนในสังคมไทย

นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ กรุงศรี ออโต้ ได้ดำเนินโครงการ LET’sponsible (เล็ทส พอนซิเบิ้ล หรือ Let us be Responsible) มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 10 ปี เพื่อปลูกฝังแนวคิดความรับผิดชอบที่ทุกคนสามารถเริ่มได้จากตัวเราเอง และปลูกฝังไปยังคนใกล้ชิด โดยเน้นการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านกิจกรรมและแคมเปญสื่อสารที่ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ที่ผ่านมาเราได้ทำการสื่อสารแนวความคิดดังกล่าวผ่านภาพยนตร์หลากหลายชุด ไม่ว่าจะเป็น ‘ส่งต่อ’ สะท้อนพฤติกรรมความรุนแรงบนถนนที่ส่งต่อสู่เด็ก ‘เบี่ยงซ้าย ขยับชิด ร่วมเปิดทาง’ แนะแนวทางการให้ทางรถฉุกเฉิน และ ‘ไฟท้ายดับ ชีวิตดับ’ รณรงค์ให้เปลี่ยนไฟท้ายเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

สำหรับในปีนี้ ทางกรุงศรี ออโต้ มุ่งเน้นไปยังกลุ่มเด็ก ภายใต้แคมเปญ The Life Saver ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางโดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์บนท้องถนนแต่ขาดอุปกรณ์ป้องกัน จึงได้สร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้น ‘#สั่งก่อนเสีย’ ถ่ายทอดมุมมองของเด็กผู้ไร้เดียงสาที่ต้องการส่งต่อ ‘คำสั่งเสีย’ ให้กับผู้ปกครองภายในเวลา 0.45 วินาที ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เด็กจะตกจากเบาะที่นั่งลงบนถนน ที่สามารถคร่าชีวิตของเด็กคนหนึ่งจากการที่ศีรษะกระแทกพื้นได้ เราคาดหวังว่าภาพยนตร์ชิ้นนี้ จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ปกครอง และทำให้พวกเขาเล็งเห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกให้เด็กทุกครั้งที่เดินทาง ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยลดความเสี่ยงของเด็กจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ความปลอดภัยบนท้องถนนให้เกิดขึ้นได้จริง กรุงศรี ออโต้ จึงได้จัดกิจกรรมแจกหมวกกันน็อกสำหรับเด็กอายุ 4–12 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จำนวน 4,500 ใบ ซึ่งหมวกกันน็อกคอลเลคชันนี้ได้รับการออกแบบจากแบรนด์สายรักษ์โลก Rubber Killer ในดีไซน์สุดเท่ แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. เติมความสดใสด้วยโทนสีเหลือง-ดำสะดุดตา พร้อมเสริมลูกเล่นผ่านสติกเกอร์ตกแต่งลาย Rubber Killer Bear ที่เป็นเอกลักษณ์บรรจุภายในกล่อง ที่ไม่เพียงให้เด็กสามารถเลือกตกแต่งหมวกเพิ่มเติมได้ แต่ยังสามารถนำไปติดบนหมวกกันน็อกหรือรถของผู้ปกครอง เพื่อให้ลวดลายเข้าคู่กัน สร้างประสบการณ์สนุกและอบอุ่นในครอบครัว และกระตุ้นให้เด็กอยากสวมใส่หมวกกันน็อกทุกครั้งที่ออกเดินทาง

ผู้ปกครองที่เป็นคุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ เพียงแสดงสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสูติบัตรที่มีการรับรองบุตรที่เกิดระหว่างปี 2556-2564 (อายุ 4-12 ปี) ลงทะเบียนผ่านแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ได้ที่ https://kautolink.com/yg4vdj ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2568 จนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2568 และติดตามประกาศผลผู้ได้รับสิทธิ์ได้ทางเว็บไซต์ www.krungsriauto.com

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ กรุงศรี ออโต้ กำหนด ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2740 7400 หรือ https://www.krungsriauto.com/auto/content/the-life-saver.html หรือไลน์ @krungsriauto *สิทธิ์การรับหมวกกันน็อกมีจำนวนจำกัด สำหรับบุคคลทั่วไป จำนวน 3,000 ใบ และลูกค้าปัจจุบันของกรุงศรี ออโต้ จำนวน 1,500 ใบ หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

#กรุงศรีออโต้ #LET’sponsible #หมวกกันน็อกเด็ก #ความปลอดภัย #อุบัติเหตุ
 

 

"กรุงศรี ออโต้" ดัน ‘GO Auto Station’ บุกตลาดรถมือสองออนไลน์ พร้อมสินเชื่อดิจิทัลครบวงจร

กรุงศรี ออโต้ ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เดินเกมรุกสู่การเป็นผู้นำอีโคซิสเต็มของตลาดรถยนต์มือสอง (Used Car Ecosystem) ด้วยการส่ง ‘GO Auto Station’ สู่แหล่งซื้อขายรถยนต์มือสอง-สินเชื่อ-บริการหลังการขาย แบบครบวงจร บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ชูจุดเด่น ‘One-Stop Solution: ที่เดียวครบจบทุกบริการ’ ทั้งการเปิดพื้นที่ให้ลูกค้าได้เลือกรถยนต์มือสองที่การันตีคุณภาพ มากที่สุดในตลาดกว่า 130,000 คัน จากพันธมิตรแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์มือสองชั้นนำ รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วของกรุงศรี ออโต้ กว่า 2,000 รายทั่วประเทศ พร้อมเชื่อมต่อบริการสินเชื่อ ประกันภัย และบริการหลังการขายไว้ในที่เดียว มั่นใจตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายทุกขั้นตอน เชื่อมั่น โปร่งใส พร้อมหวังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์มือสอง ด้วยอีโคซิสเต็มที่ครบวงจรและน่าเชื่อถือที่สุดในอุตสาหกรรม

นายพรเทพ ถิรสุนทรากุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานการตลาด ธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราคาดการณ์ตลาดรถยนต์มือสองในปี 2568 มีแนวโน้มทรงตัว แต่ราคารถมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นราว 10-15% เนื่องจากรถที่มีคุณภาพสูงในตลาดเริ่มมีจำนวนจำกัด ส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ GO Auto Station ถือเป็นหมากสำคัญในการวางรากฐานสู่การเป็นผู้นำอีโคซิสเต็มของตลาดรถยนต์มือสอง ภายใต้แนวคิด ‘One-Stop Solution: ที่เดียวครบจบทุกบริการ’ พัฒนามาเพื่อปลดล็อกทุกข้อจำกัดและคลายความกังวลของผู้บริโภค ด้วยจุดแข็งของการผสานกำลังพันธมิตรในทุกมิติ ทั้งดีลเลอร์ผู้จำหน่ายรถมือสอง พันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในธุรกิจรถยนต์มือสอง ตลอดจนบริษัทตรวจสอบสภาพรถมืออาชีพ เพื่อคัดกรองเฉพาะรถยนต์มือสองสภาพดีเข้าสู่อีโคซิสเต็มใน GO Auto Station ของเรา พร้อมทั้งยังเชื่อมต่อกับบริการสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลที่อนุมัติไวภายใน 30 นาทีจาก ‘กรุงศรี ยูสด์ คาร์’ เราจึงเชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งเหล่านี้ รวมกับฐานผู้ใช้งานกว่า 4.4 ล้านคนบนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ จะช่วยผลักดันธุรกิจสินเชื่อรถยนต์มือสองของกรุงศรี ออโต้ให้เติบโตได้ขึ้นภายในสิ้นปีนี้”

จุดเด่นของ GO Auto Station ตลาดรถยนต์มือสองคุณภาพดี บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้

-ตลาดรถมือสองคุณภาพหมุนเวียนมากกว่า 130,000 คัน คัดสรรจากพันธมิตรผู้แทนจำหน่ายชั้นนำ ทั้งตลาดศูนย์รวมมือสองคุณภาพอย่าง One2Car และ Car4Sure รวมไปถึงเครือข่ายผู้ประกอบการรถยนต์มือสองของกรุงศรี ออโต้ ที่มีรถหมุนเวียนในระบบรวมทั้งสิ้นกว่า 130,000 คัน ค้นหาได้จากทั้งประเภท ยี่ห้อ รุ่น ราคา และภูมิภาค

-มั่นใจได้ด้วยมาตรฐานการจัดเกรดรถยนต์ (Car Grading) ด้วยการตรวจสภาพรถทุกคันจากพาร์ทเนอร์มืออาชีพ เพิ่มความโปร่งใส และความมั่นใจในการเลือกซื้อ

-อนุมัติสินเชื่อไว ออกรถได้ทันที โดยบริการจาก “กรุงศรี ยูสด์ คาร์” ที่ครบวงจรผ่านแอป ไม่ว่าจะเป็นทั้งการประเมินสินเชื่อเบื้องต้น คำนวณค่างวด และการสมัครขอสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลผ่านแอป รู้ผลอนุมัติได้ไวภายใน 30 นาที พร้อมรับวงเงิน ออกรถที่ถูกใจได้ทันที

-รู้ใจผู้มองหารถมือสอง ด้วยข้อมูลรถที่ครบถ้วน ฟังก์ชันตัวกรองที่หลากหลาย และการเปรียบเทียบข้อเสนอเพื่อวางแผนการเงินได้อย่างแม่นยำ

-เชื่อมต่ออีโคซิสเต็มดิจิทัล ด้วยการยกระดับสินเชื่อ ประกันภัย และบริการดูแลรถยนต์อย่างครบจบในที่เดียว พร้อมบริการที่หลากหลายในแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ทั้งการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จุดให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ข่าวสารยานยนต์ จนไปถึงตลาดสินค้าอุปกรณ์รถ เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถ

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดและใช้งานฟีเจอร์ GO Auto Station ผ่านแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ได้แล้ววันนี้ที่ https://kautolink.com/ujo42Z พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อรถมือสองผ่าน GO Auto Station บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ และสมัครสินเชื่อกรุงศรี ยูสด์ คาร์ ผ่านทางกรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท หรือสินเชื่อ
ยานยนต์ดิจิทัล ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 พร้อมออกรถภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 รับทันทีส่วนลดเติมน้ำมันมูลค่า 1,500 บาท โดยแบ่งเป็น Bangchak E-Voucher มูลค่า 1,000 บาท และ PT E-Voucher มูลค่า 500 บาท

"กรุงศรี มอเตอร์ไซค์" เร่งเครื่องแรงครองแชมป์สินเชื่อสองล้อ ดันยอดสินเชื่อโต 10% เดินหน้าสร้างโอกาสให้ทุกคนมีรถขับ

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศความสำเร็จพอร์ตสินเชื่อรถจักรยานยนต์ปี 2567 ด้วยยอดสินเชื่อใหม่เติบโตสวนกระแสตลาดถึง 10% โดยที่ยอดสินเชื่อใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัลพุ่งสูงถึง 22% พร้อมเตรียมเดินหน้าชูความเป็นผู้นำตลาดที่เติบโตอย่างมั่นคงบนแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถได้จริง ด้วยการนำเสนอโซลูชันสินเชื่อที่เข้าใจลูกค้า ผสานการผนึกกำลังพันธมิตรดีลเลอร์ทั่วประเทศกระจายกำลังทีม “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” ให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบทุกความต้องการของผู้ใช้รถสองล้ออย่างครบครัน  

วันที่ 18 เมษายน 2568 นางสาวชญาน์ธิป พันธุ์มณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปี 2567 ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ใหม่หดตัวลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหลือเพียง 1.7 ล้านคัน ขณะที่ กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ กลับเติบโตอย่างมั่นคงด้วยยอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10% โดยยอดสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลโตสูงขึ้นถึง 22% ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตนี้ มาจากนวัตกรรมสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัลผ่านแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ทั้งสินเชื่อและคาร์ฟอร์แคช ของรถสองล้อ ตลอดจนการผสานเทคโนโลยีในการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรดีลเลอร์ทั่วประเทศแบบเรียลไทม์ ทำให้ทีมกรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ส่งมอบบริการให้กับลูกค้าในทุกพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ”

ทั้งนี้ ในปี 2568 ที่สถานการณ์ปัญหาหนี้ครัวเรือน สภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ชะลอตัว ยังคงเป็นความท้าทายของธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ พร้อมยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Krungsri Auto Responsible Lending) ด้วยความมุ่งมั่นในการให้ลูกค้าทุกคนได้เป็นเจ้าของและครอบครองรถ เพราะเชื่อว่ารถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือหลักในการประกอบอาชีพและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ เราได้เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือลูกค้าในยามวิกฤต ขานรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านโครงการคุณสู้เราช่วย ลดค่างวด พร้อมขยายระยะเวลาการผ่อนชำระให้กับลูกค้าที่ประสบปัญหา ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเป็นรายบุคคลสำหรับลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อ เพื่อมอบโซลูชันผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจกับลูกค้ามากที่สุด

แผนการดำเนินงานของกรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ปี 2568 ประกอบไปด้วย
•ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจ-บริการที่เข้าถึง นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ครบวงจรที่สุดในตลาด เข้าใจทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถสองล้ออย่างแท้จริง โดยครอบคลุมทั้งรถจักรยานยนต์ใหม่ รถจักรยานยนต์มือสอง สินเชื่อเพื่อคนมีรถ คาร์ฟอร์แคช มอเตอร์ไซค์ และมีทีม กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ส่งมอบบริการที่เจาะลึกในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างเท่าเทียมกัน

•ผนึกพันธมิตรสานต่อความสำเร็จ เดินหน้ายกระดับความผูกพันจากรุ่นสู่รุ่นกับพันธมิตรดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์และบิ๊ก ไบค์ กว่า 1,500 รายทั่วประเทศ โดยจะร่วมมือกันในการขับเคลื่อนธุรกิจ และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผสานบริการที่ไร้รอยต่อทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น 

“กรุงศรี มอเตอร์ไซค์ ยังคงครองความเป็นที่หนึ่งในวงการสินเชื่อรถจักรยานยนต์อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยแนวทางการดำเนินงานที่สมดุลระหว่างความเข้าถึงและเข้าใจลูกค้า การพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ใช้รถสองล้อในทุกมิติ รวมถึงการขับเคลื่อนตลาดสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ร่วมกับพันธมิตรดีลเลอร์อย่างยั่งยืน” นางสาวชญาน์ธิป กล่าวปิดท้าย

#กรุงศรีออโต้ #ข่าววันนี้ #สินเชื่อสองล้อ #ดิจิทัล #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 


 

"กรุงศรี ออโต้" ร่วมสร้างอนาคตที่ปลอดภัย สนับสนุนหมวกกันน็อกเด็ก 1,000 ใบ ผนึกรัฐสภา และกรมการขนส่งทางบก

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ผนึกกำลังร่วมกับคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา และกรมการขนส่งทางบก รณรงค์ให้เด็กไทยอายุ 4-12 ปี สวมหมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มุ่งปลูกฝังพฤติกรรมของเด็ก และผู้ปกครอง ให้ร่วมมือกันป้องกันอันตราย เพื่อลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บและลดความเสี่ยงของเด็กจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

วันที่ 31 มีนาคม 2568 นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา กรุงศรี ออโต้ ได้ดำเนินโครงการ LET'sponsible หรือ  Responsible (Let us be responsible) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมที่สามารถเริ่มต้นได้จากตัวบุคคลและขยายผลส่งต่อไปยังคนรอบข้าง โดยมุ่งเน้นด้านการส่งเสริมพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย พร้อมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2568 กรุงศรี ออโต้ ได้สานต่อโครงการ LET’sponsible ส่งต่อความปลอดภัยให้เด็กไทยอายุ 4-12 ปี สวมหมวกกันน็อกทุกครั้งเมื่อโดยสารรถจักรยานยนต์ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนของ กรุงศรี ออโต้ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา และกรมการขนส่งทางบก ให้เกียรติร่วมมือกันผลักดันการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านการร่วมแจกจ่ายหมวกกันน็อกสำหรับเด็กจำนวน 1,000 ใบ”

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา กล่าวว่า “คณะอนุกรรมการฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนมาโดยตลอด และมุ่งมั่นสนับสนุนมาตรการที่จะช่วยลดอุบัติเหตุและปกป้องผู้ใช้ถนน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เราจึงยินดีที่ได้เห็นความร่วมมือจากภาคเอกชน อย่าง กรุงศรี ออโต้ ในการร่วมผลักดันแนวคิดนี้ให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากการเสียชีวิตของเยาวชนอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการพัฒนาประเทศ เราจึงต้องร่วมกันรณรงค์ให้ทั้งผู้ปกครองและเด็กเกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการสวมใส่หมวกกันน็อก เพื่อไม่ต้องเสี่ยงภัยกับอุบัติเหตุบนท้องถนน”

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า "กรมการขนส่งทางบก ได้ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากร ภายในปี 2570 ตามนโยบายของรัฐบาล และเล็งเห็นว่าการสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้ถนนเป็นปัจจัยสำคัญ  สำหรับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเปราะบางและมีความเสี่ยงสูง ดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์ปลูกฝังวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนน ตั้งแต่วัยเยาว์ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัยผ่านเว็บไซต์ kidsoer.safedrivedlt.com รวมถึงยังมีโครงการนักเรียนรุ่นใหม่ มีใบขับขี่ ส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษามีทักษะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกต้อง ปลอดภัย ดังนั้น การสนับสนุนจากภาคเอกชน อย่าง กรุงศรี ออโต้ จึงถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว พร้อมเสริมสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัยแก่สังคมไทย”

แคมเปญ LET’sponsible มุ่งส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน ปลูกฝังพฤติกรรมการใช้รถอย่างรับผิดชอบ และมุ่งเน้นให้ผู้ใช้รถใช้ถนน เคารพกฎวินัยจราจร แบ่งปันน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางอันจะนำไปสู่การลดจำนวนอุบัติเหตุ ป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน กรุงศรี ออโต้ ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับสังคมไทย และมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เพื่อให้ถนนทุกสายปลอดภัยสำหรับทุกคน

#กรุงศรีออโต้ #LET’sponsible #หมวกกันน็อกเด็ก #ความปลอดภัย #อุบัติเหตุ

กรุงศรี ออโต้ ตอกย้ำความสำเร็จสู่ที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ คว้า 2 รางวัล ในงาน Thailand Car & Bike of the Year 2025 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 12

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) นำโดยนายคงสิน คงคา (กลาง) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และทีมผู้บริหาร รับมอบรางวัลจากงาน Thailand Car & Bike of the Year 2025 จัดขึ้นโดย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งกรุงศรี ออโต้ คว้า 2 รางวัลได้แก่ Best Car Finance of the Year 2025 และ Best Bike Finance of the Year 2025 มาครองต่อเนื่องเป็นปี
ที่ 12 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการเป็นผู้นำด้านสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทย ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ผู้ใช้รถในทุกเซกเมนต์ พร้อมความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น ผ่านการขยายอีโคซิสเต็มที่ครอบคลุมทุกมิติการใช้รถ โดยงานจัดขึ้น ณ ห้องเดอะ รอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

รางวัล Best Car Finance of the Year 2025 และ Best Bike Finance of the Year 2025 เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จของ กรุงศรี ออโต้ ในฐานะของผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์ที่แข็งแกร่ง ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของวงการยานยนต์ชั้นนำจากหลากหลายองค์กร และเกณฑ์การตัดสินในด้านความเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์ไทยซึ่ง ‘กรุงศรี ออโต้’ มุ่งมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Krungsri Auto Responsible Lending)
ตามศักยภาพของลูกค้า และไม่ก่อหนี้เกินความจำเป็น ควบคู่กับการนำเสนอโซลูชันทางการเงินและการบริการที่ครบครันและตรงใจเพื่อผู้ใช้รถอย่างแท้จริง  

#กรุงศรีออโต้ #สินเชื่อรถ #สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ #BestCarFinance #BestBikeFinance

"กรุงศรี ออโต้" เปิดตัว "Start Your Journey to Grand Moment with Krungsri Auto" ชู GO Travel ส่งเสริมที่ยวไทยตลอดปี 68-69

“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สานต่อความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในปี 2568-2569 ผ่านโครงการ "Start Your Journey to Grand Moment with Krungsri Auto" มุ่งยกระดับประสบการณ์เดินทางของผู้ใช้รถ พร้อมต่อยอดความสำเร็จของ GO Travel บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ สู่อีโคซิสเต็มท่องเที่ยวครบวงจร เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว สู่เป้าหมายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.68 นายคงสิน คงคา ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรี ออโต้ มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เปิดโอกาสให้เราได้มีส่วนร่วมในการสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้ใช้รถ พร้อมกับสร้างคุณค่าร่วม (Creating Shared Value) ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยผ่านผู้ใช้รถและพันธมิตรร้านค้าในชุมชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความสำเร็จในการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านการท่องเที่ยวของ กรุงศรี ออโต้ (Krungsri Auto Travel Ecosystem) ที่สามารถเชื่อมโยงฐานผู้ใช้รถกว่า 4.4 ล้านราย ผ่านฟีเจอร์ GO Travel ‘บัดดี้ท่องเที่ยวคู่ใจผู้ใช้รถ’ บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ พร้อมตอกย้ำถึงเป้าหมายในการเป็นที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ ด้วยข้อมูลเชิงลึกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้รถได้ในหลายมิติ และเดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยภายในปี 2568 ตั้งเป้าขยายพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวเพิ่มอีกกว่า 120 ราย และเตรียมเปิดตัวบริการใหม่บนฟีเจอร์ GO Travel ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้รถกลุ่มใหม่ภายในครึ่งหลังของปีนี้อีกด้วย

 

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวในประเทศเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศมีจำนวนรวม 200.5 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 6.31% จากปีก่อน และสร้างรายได้ 1,112,787.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.56% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมและความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยปีนี้ ททท. มุ่งเดินหน้าขยายเส้นทางการท่องเที่ยวและส่งเสริมประสบการณ์ที่หลากหลายทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด ‘Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025’ ซึ่งเน้นการส่งเสริม และยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ กระตุ้นการเดินทางที่มีคุณภาพเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งความร่วมมือกับภาคเอกชนถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างเป็นระบบ โดย กรุงศรี ออโต้ คือหนึ่งในพันธมิตรที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มนักเดินทางที่ใช้รถยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญของตลาดท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมไปกับการสนับสนุนให้การเดินทางเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเติบโตไปพร้อมกัน

สำหรับปีนี้ กรุงศรี ออโต้ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมจับมือเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศตลอดปี ผ่านโครงการ “Start Your Journey to Grand Moment with Krungsri Auto” พร้อมไปกับการยกระดับฟีเจอร์ GO Travel บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ สู่อีโคซิสเต็มด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจรที่รวมแหล่งกิน เที่ยว กิจกรรม ที่พัก และบริการเช่ารถในที่เดียว โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ได้แก่ 1) กระตุ้นการใช้รถเดินทางข้ามจังหวัด โดยเน้นพื้นที่ การท่องเที่ยวที่มีศักยภาพใน เขาใหญ่ ภูเก็ต และหัวหิน 2) ส่งเสริมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ผ่านร้านดังใน 5 ย่านยอดนิยม และ 3) ขยายประสบการณ์ขับรถท่องเที่ยวแนวใหม่ ภายใต้ธีม Pet-over และ Entertainment & Activity ที่เน้นการใช้เวลาร่วมกันของกลุ่มเพื่อน ครอบครัว และสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดความสำเร็จของทริปยอดนิยม อย่าง “เส้นทางสายศรัทธา” และ “เทศกาล Grand Moment” พร้อมกับการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้ากรุงศรี ออโต้ โดยเฉพาะอีกด้วย

โดยความร่วมมือนี้สะท้อนถึงการผสานจุดแข็งระหว่าง กรุงศรี ออโต้ และ ททท. ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้รถออกเดินทางมากขึ้น กระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ และผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้เป็นกลไกสำคัญในการกระจายรายได้และสร้างโอกาสสู่ทุกภูมิภาคของประเทศต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใช้งานฟีเจอร์ GO Travel บนแอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ ได้แล้ววันนี้ที่ https://kautolink.com/ujo42Z