“ผมภูมิใจมากที่ได้ไปปฏิบัติภารกิจถวายในหลวงในพระบรมโกศเป็นครั้งสุดท้าย ผมเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งแต่สมัยเป็นร้อยตรี ตอนเรียนจบใหม่ๆและได้สังกัดที่ พล.1 รอ. โดยหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ได้ถวายงานใกล้ชิดพระองค์ท่าน ได้ตามเสด็จ และได้สวนสนามถวายในโอกาสวันเฉลิมพระเกียรติ”
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2559 เป็นต้นมานำพาความเสียใจและความสูญเสียมาสู่ทุกคน ซึ่งตั้งแต่นั้นมาประชาชนต่างเดินทางมาสนามหลวงอย่างเนืองเเน่น ทางรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้มีการก่อตั้งศูนย์ประสานงาน ที่ทำหน้าที่ประสานงานกับทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชน หน่วยงานรัฐ รวมไปถึงจิตอาสาในทุกระดับ ทุกคนได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานกันอย่างเต็มที่
รวมไปถึงบุคคลที่ "รื่นรมย์คนการเมือง" จะพาไปรู้จักในสัปดาห์ นั่นคือ “พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์” หรือ “บิ๊กโอ” รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระมหาราชวัง ซึ่งเป็นเสมือนหัวแรงหลักที่ค่อยดูแล ประสานงานให้กับหน่วยงานต่างๆที่จะมาเป็นจิตอาสา ในการดูแลประชาชนที่เดินทางมาเคารพพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 กันอย่างเนืองเเน่นตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
@ เคียงบ่าเคียงไหล่
เดิมที บิ๊กโอเป็นคนจ.พิจิตร จบการศึกษาชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนดรุณศาสตร์ สงเคราะห์ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหารในรุ่นที่ 20 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “บิ๊กแดง”พล.ท.อภิรัช คงสมพงษ์ หรือ แม่ทัพภาคที่ 1 และ “บิ๊กตู่เล็ก” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 จากนั้นได้ศึกษาต่อเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 31 ซึ่งในขณะนั้นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตั้งอยู่ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน ในปัจจุบัน
บิ๊กโอเล่าว่า ตั้งแต่เรียนจบมา ได้ทำงานให้กับกองทัพภาคที่ 1 เคียงคู่มากับบิ๊กแดง เเม่ทัพภาคที่ 1 และบิ๊กตู่เล็ก แม่ทัพน้อยที่1 เริ่มที่สังกัดที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) จนถึงปัจจุบัน ชีวิตการทำงานเป็นไปตามขั้นตอน ตามจังหวะ เป็นไปตามเส้นทางผู้บังคับหน่วยกำลังรบ ซึ่งหลังจากที่ขึ้นมารับตำแหน่ง ที่กองทัพภาคที่ 1 ได้เพียงไม่กี่วัน ก็มีเหตุการณ์ การสูญเสียของคนไทย เเม่ทัพจึงได้รับมอบภารกิจจากพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคสช. ซึ่งได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้จัดกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณ โดยรอบพระมหาราชวังขึ้น เพื่อรองรับประชาชนที่เดินทางมาเคารพ สักการะพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ 9 เเม่ทัพจึงมอบหมายภารกิจให้ในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆเป็นหลัก โดยที่มี พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองเเม่ทัพ ดูแลเรื่องระบบการขนส่ง การจราจร และ พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพ ดูแลในเรื่องของมวลชน
- ความภาคภูมิใจ
บิ๊กโอ เปิดใจว่า วันแรกที่เข้าไปปฏิบัติงาน นั้นยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าจะต้องตั้งกองบัญชาการขึ้นที่สนามหลวงเพื่อเป็นฝ่ายประสานงานให้ประชาน ได้รับความสะดวก มีความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกเรื่องของการจราจร หลังจากนั้นได้เจอกับ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้ประชุมและขอความร่วมมือ วางระบบการจัดการในการดูแลประชาชน
“เริ่มแรกเข้ามา ผมก็จัดตั้งเกตเวย์ จุดคัดกรองคนก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่เดินทางเข้ามา ว่าไม่มีอาวุธ ดูแลกล้องวงจรปิด ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากทางตำรวจด้วย เรามีการจัดตั้งชุดตรวจตราบริเวณท่าเรือ ชุดช่วยชีวิตของกรมบรรเทาสาธารณะภัย ทางกระทรวงคมนาคมส่งรถรับ-ส่งมาให้ รวมไปถึงโรงพยาบาลต่างๆที่ให้ความร่วมมือ ตั้งเป็นศูนย์การแพทย์”
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วย จึงเหมือนกับว่าเราได้ไปช่วยประสานในการทำงานให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งในตอนนี้ความมือได้เกิดเป็นวงกว้างมากขึ้น เราเข้ามาเป็นเสมือนกรรมการ ที่คอยมาประสานงาน แต่ภาพที่ทำให้บิ๊กโอ รู้สึกดีใจอย่างมากนั่นคือในช่วง 4 เดือนแรกที่ปฏิบัติงานอยู่ที่สนามหลวง ได้เห็นอาสาสมัคร ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน หรือแม้กระทั่งนักเรียน นักศึกษา ทุกคนมากันด้วยรอยยิ้ม มาด้วยความเต็มใจ
“ผมภูมิใจมากที่ได้ไปปฏิบัติภารกิจถวายในหลวงในพระบรมโกศเป็นครั้งสุดท้าย ผมเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งแต่สมัยเป็นร้อยตรี ตอนเรียนจบใหม่ๆและได้สังกัดที่ พล.1 รอ. โดยหน่วยนี้เป็นหน่วยที่ได้ถวายงานใกล้ชิดพระองค์ท่าน ได้ตามเสด็จ และได้สวนสนามถวายในโอกาสวันเฉลิมพระเกียรติ
ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากในชีวิตของทหารคนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ทุกคนในสนามหลวง ทั้งข้าราชการ พลเรือน ทุกภาคส่วน ก็รู้เช่นเดียวกับผม” บิ๊กโอ เล่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่มีความสุข
แบ่งเวลาอย่าลงตัว
ในเรื่องการการแบ่งเวลาที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องของสนามหลวง และเรื่องงานในกองทัพนั้นบิ๊กโอ บอกว่า เมื่อเรามี 24 ชั่วโมงก็แบ่งให้หมดทุกส่วน ทั้งในเรื่องของงานกองทัพในฐานะรองแม่ทัพคนที่ 1 จะดูแลในเรื่องของการบริหาร กำลังพล และการส่งกำลังบำรุง ไปตรวจเยี่ยมหน่วยบ้างในกรณีที่แม่ทัพมอบหมาย ส่วนในเรื่องงานชายแดนจะเป็นหน้าที่ของ รองแม่ทัพคนที่ 2 แบ่งๆงานกันดูแล แต่ในช่วง 4 เดือนแรกที่ต้องไปประจำการทุกวัน ตนเองก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทำให้ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และกินข้าวไม่ตรงเวลา ก็ทำให้น้ำหนักขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ล่าสุดก็พยายามที่จะแบ่งเวลาให้ลงตัว เพราะงานทุกอย่างก็เป็นรูปเป็นร่าง จนตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปสนามหลวงทุกวันแล้ว เหมือนเราใช้รีโมทในการคอนโทรได้แล้ว ก็ให้นายพลคนอื่นๆในกองทัพภาคที่ 1 หมุนเวียนกันไปทำหน้าที่
นอกจากจะต้องดูแลประชาชนแล้ว บิ๊กโอ ยังต้องมีหน้าที่ดูแลกำลังพลที่ลงไปทำหน้าที่ในสนามหลวงด้วยเช่นกัน โดย ก่อนที่ทหารจะออกมาปฏิบัติหน้าที่ต้องมีการอบรมให้มีความชำนาญ และหลักสำคัญคือต้องสุภาพ อ่อนน้อม ให้เกียรติประชาชนทุกระดับชั้นไม่ว่าจะเป็นใคร และเราจะเน้นในเรื่องการมีน้ำใจ การมีมนุษยสัมพันธ์ เพราะหากคนคนหนึ่งทำพลาดไป ผลกระทบที่จะได้รับคือมีในวงกว้าง
แม้ว่าหน้าที่รับผิดชอบในกองทัพจะมีมากมาย แต่เมื่อได้รับมอบหมายให้ดูแลในงานที่สำคัญต่อคนไทยทั้งชาติ บิ๊กโอ ก็พยายามอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ นำเสียงตอบรับของประชาชนก็ยังมีทั้งชมและติ มาพัฒนา มาวางแผนปรับปรุงให้งานดีและเป็นที่ชื่นชมได้ในวันนี้.