14 พ.ค.62 นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว บริเวณคลองบางซื่อตัดถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง โดยมี นางสาววนิดา เจียงไพศาลกุล ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ผู้บริหารเขตห้วยขวาง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ พร้อมกล่าวว่า วันนี้เป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว บริเวณคลองบางซื่อตัดถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง ซึ่งเป็นคลองที่แยกมาจากคลองลาดพร้าว มีความยาว 2,800 เมตร ส่งมอบพื้นที่แล้ว ความยาว 500 เมตร ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่ ความยาว 2,300 เมตร
 
 ขณะนี้ผู้รับจ้างสามารถได้เข้าพื้นที่ได้บางส่วนเพื่อทำการตอกเสาเข็ม และจะกำหนดแนวก่อสร้างใหม่ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากภายหลังการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง แนวก่อสร้างได้เลื่อนและหายไป สำหรับการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมคลองดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะไม่ดำเนินการรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมด จะทยอยรื้อย้ายเท่าที่ผู้รับจ้างสามารถตอกเสาเข็มได้ หากรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมดแล้วผู้รับจ้างไม่พร้อมเข้าพื้นที่ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากต้องย้ายออกไปเช่าที่พักอาศัยใหม่
ขณะนี้ผู้รับจ้างสามารถได้เข้าพื้นที่ได้บางส่วนเพื่อทำการตอกเสาเข็ม และจะกำหนดแนวก่อสร้างใหม่ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากภายหลังการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง แนวก่อสร้างได้เลื่อนและหายไป สำหรับการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมคลองดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะไม่ดำเนินการรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมด จะทยอยรื้อย้ายเท่าที่ผู้รับจ้างสามารถตอกเสาเข็มได้ หากรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมดแล้วผู้รับจ้างไม่พร้อมเข้าพื้นที่ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากต้องย้ายออกไปเช่าที่พักอาศัยใหม่
 สำหรับริมคลองบางซื่อมีบ้านรุกล้ำ จำนวน 62 หลัง ยินยอมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 58 หลัง ไม่ยินยอม จำนวน 4 หลัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง จำนวน 3 หลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนอีก 1 หลัง อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อน กรุงเทพมหานครได้ปิดประกาศคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2502 (ปว.44) เพื่อรื้อย้ายบ้านออกจากแนวรุกล้ำออกจากพื้นที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตในพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและกำชับผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการตอกเสาเข็มในพื้นที่ก่อสร้างที่ได้ส่งมอบและบริเวณที่รื้อย้ายบ้านรุกล้ำออกไปแล้ว รวมทั้งบริเวณพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ตลอดจนให้คำแนะนำแก่ผู้รับจ้างในการปรับแผนการทำงาน เพื่อให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
สำหรับริมคลองบางซื่อมีบ้านรุกล้ำ จำนวน 62 หลัง ยินยอมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 58 หลัง ไม่ยินยอม จำนวน 4 หลัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง จำนวน 3 หลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนอีก 1 หลัง อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อน กรุงเทพมหานครได้ปิดประกาศคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2502 (ปว.44) เพื่อรื้อย้ายบ้านออกจากแนวรุกล้ำออกจากพื้นที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตในพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและกำชับผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการตอกเสาเข็มในพื้นที่ก่อสร้างที่ได้ส่งมอบและบริเวณที่รื้อย้ายบ้านรุกล้ำออกไปแล้ว รวมทั้งบริเวณพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ตลอดจนให้คำแนะนำแก่ผู้รับจ้างในการปรับแผนการทำงาน เพื่อให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
 
 รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ปัจจุบันสามารถส่งมอบให้ผู้รับจ้างแล้ว ความยาว 25,254 ม. ดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 30,763 ต้น ส่วนแนวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้วมีความยาวรวม 23,199 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่า 40.50% ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 99.50% มีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวในพื้นที่ 8 สำนักงานเขต จำนวน 6,638 หลัง ซึ่งอยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,257 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 504 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,724 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,533 หลัง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ปัจจุบันสามารถส่งมอบให้ผู้รับจ้างแล้ว ความยาว 25,254 ม. ดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 30,763 ต้น ส่วนแนวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้วมีความยาวรวม 23,199 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่า 40.50% ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 99.50% มีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวในพื้นที่ 8 สำนักงานเขต จำนวน 6,638 หลัง ซึ่งอยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,257 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 504 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,724 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,533 หลัง  
 
 ขณะนี้ผู้รับจ้างสามารถได้เข้าพื้นที่ได้บางส่วนเพื่อทำการตอกเสาเข็ม และจะกำหนดแนวก่อสร้างใหม่ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากภายหลังการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง แนวก่อสร้างได้เลื่อนและหายไป สำหรับการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมคลองดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะไม่ดำเนินการรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมด จะทยอยรื้อย้ายเท่าที่ผู้รับจ้างสามารถตอกเสาเข็มได้ หากรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมดแล้วผู้รับจ้างไม่พร้อมเข้าพื้นที่ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากต้องย้ายออกไปเช่าที่พักอาศัยใหม่
ขณะนี้ผู้รับจ้างสามารถได้เข้าพื้นที่ได้บางส่วนเพื่อทำการตอกเสาเข็ม และจะกำหนดแนวก่อสร้างใหม่ให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากภายหลังการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้าง แนวก่อสร้างได้เลื่อนและหายไป สำหรับการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมคลองดังกล่าว กรุงเทพมหานครจะไม่ดำเนินการรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมด จะทยอยรื้อย้ายเท่าที่ผู้รับจ้างสามารถตอกเสาเข็มได้ หากรื้อย้ายพร้อมกันทั้งหมดแล้วผู้รับจ้างไม่พร้อมเข้าพื้นที่ จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากต้องย้ายออกไปเช่าที่พักอาศัยใหม่
 สำหรับริมคลองบางซื่อมีบ้านรุกล้ำ จำนวน 62 หลัง ยินยอมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 58 หลัง ไม่ยินยอม จำนวน 4 หลัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง จำนวน 3 หลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนอีก 1 หลัง อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อน กรุงเทพมหานครได้ปิดประกาศคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2502 (ปว.44) เพื่อรื้อย้ายบ้านออกจากแนวรุกล้ำออกจากพื้นที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตในพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและกำชับผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการตอกเสาเข็มในพื้นที่ก่อสร้างที่ได้ส่งมอบและบริเวณที่รื้อย้ายบ้านรุกล้ำออกไปแล้ว รวมทั้งบริเวณพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ตลอดจนให้คำแนะนำแก่ผู้รับจ้างในการปรับแผนการทำงาน เพื่อให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
สำหรับริมคลองบางซื่อมีบ้านรุกล้ำ จำนวน 62 หลัง ยินยอมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 58 หลัง ไม่ยินยอม จำนวน 4 หลัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง จำนวน 3 หลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนอีก 1 หลัง อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างเขื่อน กรุงเทพมหานครได้ปิดประกาศคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2502 (ปว.44) เพื่อรื้อย้ายบ้านออกจากแนวรุกล้ำออกจากพื้นที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตในพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและกำชับผู้รับจ้างให้เร่งดำเนินการตอกเสาเข็มในพื้นที่ก่อสร้างที่ได้ส่งมอบและบริเวณที่รื้อย้ายบ้านรุกล้ำออกไปแล้ว รวมทั้งบริเวณพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ตลอดจนให้คำแนะนำแก่ผู้รับจ้างในการปรับแผนการทำงาน เพื่อให้โครงการก่อสร้างเดินหน้าอย่างต่อเนื่องแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
 
 รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ปัจจุบันสามารถส่งมอบให้ผู้รับจ้างแล้ว ความยาว 25,254 ม. ดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 30,763 ต้น ส่วนแนวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้วมีความยาวรวม 23,199 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่า 40.50% ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 99.50% มีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวในพื้นที่ 8 สำนักงานเขต จำนวน 6,638 หลัง ซึ่งอยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,257 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 504 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,724 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,533 หลัง
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว ปัจจุบันสามารถส่งมอบให้ผู้รับจ้างแล้ว ความยาว 25,254 ม. ดำเนินการตอกเสาเข็มได้ 30,763 ต้น ส่วนแนวเขื่อนที่ตอกเสาเข็มแล้วมีความยาวรวม 23,199 ม. ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่า 40.50% ส่วนแผนงานโดยรวมทั้งโครงการ 99.50% มีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำคลองลาดพร้าวในพื้นที่ 8 สำนักงานเขต จำนวน 6,638 หลัง ซึ่งอยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง โดยยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,257 หลัง ไม่ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 504 หลัง ปัจจุบันสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,724 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,533 หลัง   
        
