ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ ตำบลคอโค อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ประกอบด้วย ตำบลคอโคหมู่ที่ 2 บ้านตราด หมู่ที่ 3 บ้านตะเคียน หมู่ที่ 4 บ้านแสงตะวันหมู่ที่ 5 บ้านสนายดวจ หมู่ที่ 11 บ้านบางกอกน้อย ส่วน ตำบลนอกเมือง หมู่ที่ 3 บ้านไทย หมู่ที่ 8 บ้านดงมัน หมู่ที่ 21 บ้านเฉลิมพระเกียรติ คุ้มบ้านยาง และบ้านดู่พัฒนา พร้อมหมู่บ้านจัดสรร และคุ้มบ้านตราดอังครอง หน้ากองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 ค่ายสุรินทรภักดี ได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า ฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงสุกรขนาดใหญ่ ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาเป็นเวลานาน ซึ่งที่ผ่านมา นอกจากชาวบ้านจะได้รับผลกระทบจากกลิ่นแล้ว ฟาร์มหมูดังกล่าวยังเคยได้ปล่อยน้ำเสียทำให้ปลาตายตลอดแนวลำห้วยเสนง ระยะ ทางกว่า 12 กิโลเมตร ปลาเค้า,ปลาอง,ชะโด,ช่อน,อีกาดำ,ตะเพียน,รีไท,และปลากด ตายรวมกันกว่า 7,750 กิโลกรัม จนถูกตัวแทนสำนักงานประมงจังหวัดสุรินทร์-ชลประทานสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านกว่า 10 หมู่บ้านของ ต.คอโค และต.นอกเมือง พร้อมใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา แต่คดีก็ไม่คืบหน้าแต่อย่างได ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ฟาร์มดังกล่าว ซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงสุกรขนาดใหญ่ มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ มีโรงเรือนเลี้ยงหมูถึง 30 โรง มีหมูที่เลี้ยงมากถึงจำนวน 1 หมื่นตัว ซึ่งเป็นต้นตอของกลิ่นที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นบริเวณกว้างจริง นายชุมพร เรืองศิริ ผู้ใหญ่บ้านแสงตะวัน พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน กล่าวว่า ตน และลูกบ้าน และชาวบ้านหมูบ้านอื่นๆ ต่างได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นของฟาร์มหมูดังกล่าวมาก และกลิ่นจะในช่วงค่ำ และกลางคืนจะเหม็นมากจนแสบจมูก และมีลูกบ้านบางรายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต้องป่วยเพราะกลิ่นจากฟาร์มดังกล่าว ทั้งนี้เคยร้องไปยังที่ฟาร์มหมูเพื่อให้แก้ไขแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างไร อีกทั้งคดีปลาตายยกลำห้วยที่ฟาร์มหมูดังกล่าวได้ปล่อยน้ำเสีย ก็ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน จึงขอวอนถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้าดำเนินเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านด้วย