“นายกฯอนุทิน” กล่าวสรุปปิดการแถลงนโยบายฯ 2 วัน ชี้แจงทุกข้อครหาและคำวิจารณ์ ยืนยันรัฐบาลพร้อมทำงานทันที ไม่ใช่ "เป็ดง่อย" เพราะมีภารกิจทำรัฐธรรมนูญใหม่ตาม MOU พรรคประชาชน พร้อมประกาศกร้าว ขอ "อโหสิ" ทุกความบาดหมางทางการเมือง ท้าทุกฝ่ายไปแข่งกันทำความดีตัดสินใจกันที่คูหาเลือกตั้ง หลังครบ 4 เดือน
วันที่ 30 ก.ย.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วันที่สอง หลังจากที่มีการเปิดให้แต่ละฝ่ายอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง บรรยากาศภาพรวมทั้ง 2 วันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีจังหวะปะทะคารม โต้เถียง และประท้วงกันบ้างตามสมควรแก่เหตุ
จากนั้นเวลา 18.03 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นตัวแทนรัฐบาล กล่าวสรุปการแถลงนโยบายรัฐบาลฯว่า ขอบคุณประธานรัฐสภา ที่ให้โอกาสแถลงนโยบายฯในครั้งนี้ เป็นโอกาสให้รัฐบาลได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเต็มรูปแบบตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไป รวมถึงสมาชิกรัฐสภาทุกท่านทั้ง สว. สส.ทั้งหลาย ได้ให้ทั้งความรู้ ข้อแนะแนว ความคิด คำวิจารณ์ การเสนอแนะ และอื่นๆอีกมากมาย ให้รัฐบาล นำไปปฏิบัติบริหารราชการแผ่นดิน ตนขอให้คำยืนยันว่า พวกเราทุกคนได้รับฟังและจะนำไปเป็นข้อคิดแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นต่อไป ขอให้คำยืนยันว่า2วันนี้มีคุณค่ายิ่งสำหรับรัฐบาลชุดนี้ ตนต้องกราบขออภัย บางท่านที่ตนต้องลุกมาตอบโต้ เพราะต้องนำความจริงมาชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ แม้หลายเรื่องจะเป็นการอภิปรายที่มีความแตกต่างจากข้อเท็จจริงมาก พอสมควร แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราคงจะมีเวทีที่ทำความเข้าใจกับประชาชน ให้กระจ่างชัดต่อไป
“ยืนยันว่าผม และรัฐมนตรีทุกท่านในคณะรัฐบาลของผมจะไม่ใช้อำนาจที่เราได้รับมอบหมายจากประชาชน มากระทำการสิ่งใดเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง หรือช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากสิ่งที่ได้ทำผิดให้เป็นถูก ก็หวังว่าสิ่งที่ได้ทำไป คงไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย ท่านนับมาเลย นับตั้งแต่ผม ที่เป็นเบอร์ 1 จนถึงเบอร์ที่36 ผมจะไม่ให้ท่านมาเร่งผม ผมจะเป็นคนเร่งรัด ถ้าดำเนินการด้วยตัวเองได้ ผมจะดำเนินการไม่เว้นแม้กระทั่งตัวผม” นายกฯ กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าเสียใจที่ทุกท่านที่เคยทำงานด้วยกันมาต้องมานั่งโต้เถียงเพราะคำว่าการเมือง ก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า เมื่อมีการตอบโต้ทางการเมือง ในห้องประชุมรัฐสภาแห่งนี้ ก็ขอให้พวกเราทุกคนถือว่าได้ทำหน้าที่ตามที่พวกเราได้รับมอบหมายมา ขออย่าถือเป็นเรื่องส่วนตัว ขอให้มีรอยยิ้ม มีความร่วมมือ ให้คำมั่นสัญญาว่าคณะรัฐมนตรีทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ใน4เดือนที่เหลือทะเลาะกันไม่ได้ ทะเลาะกัน ประชาชนเสียประโยชน์ เราต้องทำในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน และหลังจาก4เดือนนี้เราจะได้ไปแข่งกันด้วยความขาวสะอาด แข่งกันด้วยรอยยิ้ม แข่งกันทำความดี ให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกใครเข้ามาทำงานให้เขา รับรองว่าจะไม่มีคำว่าได้เปรียบใดๆทั้งสิ้น
“ผมเสียใจเพราะท่านคิดว่า การที่พรรคของผมอยู่กับท่านตอนนั้น มันอาจจะทำให้ท่านเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ซึ่งไม่จริง กระทรวงมหาดไทยพอพ้นออกไปก็เหมือนกัน 2 เดือนที่แล้วสภาพผมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย ก็ไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดถือสา เราเป็นตัวของเราดีกว่า คุณงามความดีที่เราประกอบมาจะเป็นตัวที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีอำนาจก็ใช้อำนาจตามหน้าที่ วันที่ท่านให้ผมพ้นไป 18มิ.ย.2568 พอวันที่19มิ.ย. ผมก็หักดิบจากที่เคยมีคนมาติดตาม ก็กลายเป็นไปไหนมาไหนคนเดียวจริงๆ มีความสุขมากกว่าด้วย แต่วันนี้กลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว โชคดีที่มีประสบการณ์มาก่อน ฉะนั้นผมรับรองว่าจะไม่มีการหลงใหลในอำนาจใดทั้งนั้น อำนาจที่เรามีและเราสามารถนำไปกลั่นแกล้งคนอื่นได้รับรองว่าไม่มีแน่นอน ใครทำอะไรผิดไว้ กระบวนการยุติธรรมจะต้องจัดการ ในทุกๆเรื่องฉะนั้น ขอให้มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นกับท่านทุกคน” นายกฯ กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันกับผู้ที่ลงนามMOAกับตน คือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ วันที่ตนมาเป็นฝ่านค้านก็ไปรายงานตัวกับผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะที่มาเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราก็ทำงานร่วมกันมาตลอด เราก็เห็นว่าจะต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน ก็มีเจตนารมณ์ร่วมกัน ดังนั้น 4 เดือนต่อจากนี้ ก็ไม่ใช่เป็ดง่อย ถ้าเป็นเป็ดง่อย ก็ยุบสภาไม่ได้ เรายืนยัน ว่าเราจะสนับสนุนการเดินหน้าทำรัฐธรรมนูญ และการจัดทำประชามติ ให้พร้อมในการเลือกตั้งทั่วไป และรัฐบาลขอความร่วมมือให้สมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ได้เข้าร่วมการประชุม กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ให้เสร็จภายในปีนี้ด้วย เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องใหญ่ และใช้เวลามาก ถ้าพวกเราทุกคนร่วมมือกัน มาช่วยกันทุกวัน ก็จะทำให้เจตนารมณ์ของทุกท่านที่มีความต้องการที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สมปรารถนา ขณะที่การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลจะดำเนินการให้สอดคล้อง กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญด้วย ว่าจะสามารถทำได้ด้วยประสิทธิภาพที่มีเพียงใด
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการเสนอกฎหมายต่างๆประกอบรัฐธรรมนูญ ทุกคนในสภาฯแห่งนี้ทราบดีว่าไม่สามารถผ่านสภาฯนี้ได้ ภายใน4เดือน แต่เราเริ่มต้นได้ เพื่อให้รัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งมาสานต่อได้เลย ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เพราะพวกเราจะเริ่มวางรากฐานไว้ให้อย่างดี เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา147 วรรค2 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ขณะที่เรื่องการโยกย้ายข้าราชการเพื่อไปช่วยในการเลือกตั้ง ขอให้มั่นใจว่าไม่มีใครรู้ดีในเรื่องนี้ไปมากกว่าตน เพราะตนอยู่กระทรวงมหาดไทยมาแบบแฮตทริคแล้ว บนป้ายกระทรวงมหาดไทยมีชื่อตน3ครั้งแล้ว ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะได้มากน้อยอยู่ที่ผู้สมัครนโยบาย และพรรคการเมือง ใครทำนโยบายดี ส่งผู้สมัครดี ก็มีโอกาสที่จะเข้ามา ตนไม่เคยคิดเลยว่าข้าราชการคนไหน จะสามารถช่วยให้พรรคการเมืองชนะการเลือกตั้งได้ ลองไปถามรมว.มหาดไทยคนก่อนว่าวินาทีนี้ก็คงจะซาบซึ้งเป็นอย่างดี
"เรื่องการเอามีดตัดมือตัวเอง สำหรับอนุทินไม่เคยมี คนที่เอามีดตัดมือตัวเอง ตัดแขนตัวเอง ก็คือคนที่ให้ผมออกจากรัฐบาลที่แล้ว ไม่งั้นก็ไม่มีวันนี้ ฉะนั้นเราเห็นสิ่งที่มันไม่ดีเกิดขึ้นมาแล้ว และก็เป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ด้วย แต่ขอให้มันจบ และอโหสิกัน แล้วจบกันไป จากนี้ไปเรามาแข่งกันทำคุณงามความดีขายนโยบายให้กับประชาชนอีก 4 เดือนยุบสภา และจากนั้น 2 เดือนเราก็มาเลือกตั้งกันด้วยความบริสุทธิ์โปร่งใส รับรองว่าไม่ใช่เป็ดง่อย นี่หนู ไม่ใช่เป็ด ฉะนั้นหนูไม่ง่อย เป็ดอาจจะง่อย ขอให้มีความมั่นใจว่า รัฐบาลนี้จะทำหน้าที่ตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไป ขออนุญาตท่านประธานว่า หลังจากเลิกประชุมตรงนี้ ขออนุญาตใช้สถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทันที เพื่อทำในเรื่องที่เราจำเป็นต้องทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน ขอให้ทุกท่านแข็งแรง โชคดีทุกคน" นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานการประชุม ได้สั่งปิดประชุมในเวลา18.18 น. ซึ่งตลอด 2 วัน ใช้เวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนายอนุทิน ไปทั้งสิ้น 26 ชั่วโมง