วันที่ 30 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอับดุล สารีเต๊ะ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ “บังดุล นักวิ่งจิตอาสา” อายุ 52 ปี ชาวอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ได้กลับมาออกวิ่งอีกครั้ง หลังจากห่างหายจากกิจกรรมวิ่งจิตอาสามาระยะหนึ่ง โดยการกลับมาครั้งนี้สร้างกระแสความสนใจในโลกออนไลน์และในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างมาก
บังดุลเปิดเผยว่า การออกวิ่งในครั้งนี้มีเป้าหมาย จากจังหวัดปัตตานีไปยังภูมะเขือ รวมระยะทางกว่า 1,753 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลามากกว่า 1 เดือน เพื่อเป็นการส่งแรงใจให้กับทหารไทยที่ปักหลักปกป้องชายแดน รวมถึงเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการ “ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติไทย”
ก่อนหน้านี้ บังดุลเคยสร้างชื่อเสียงจากการวิ่งระยะไกลจาก ปัตตานี–บุรีรัมย์ ระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ใช้เวลา 35 วัน เพื่อระดมทุนจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์สร้างบังเกอร์มอบให้ทหารในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งภารกิจนั้นได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม การกลับมาวิ่งครั้งนี้เกิดจากความไม่พอใจของบังดุลต่อสถานการณ์ที่ “ชาวเขมรกลับมารุกรานชายแดนไทย” อีกครั้ง โดยเขาได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า
“คนเขมรไม่สำนึกบุญคุณประเทศไทยแม้แต่นิดเดียว ครั้งนี้เมื่อผมไปถึง ต้องเจอดีกับผมแน่!”
คำพูดดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชายผู้มีหัวใจรักชาติ ที่ตั้งใจจะส่งกำลังใจถึงทหารไทย และประกาศจุดยืนไม่ยอมให้ใครรุกรานแผ่นดินเกิด
ระหว่างทาง บังดุลได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ที่วิ่งผ่าน หลายคนออกมาโบกมือให้กำลังใจ ตะโกนเชียร์ “สู้ ๆ บังดุล!” และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก บางรายถึงกับฝากข้อความผ่านบังดุลไปถึงฝั่งกัมพูชาว่า “ที่นี่คือแผ่นดินไทย ไม่มีใครรุกรานได้!”
นอกจากนี้ บังดุลยังกล่าวเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐ สร้างแนวกำแพงชายแดนไทย–กัมพูชาโดยด่วน เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของประเทศไทย พร้อมยกตัวอย่างแนวชายแดนภาคใต้ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการสร้างสิ่งกีดขวางไว้ชัดเจน
“เมื่อผมวิ่งถึงภูมะเขือ ผมพร้อมเผชิญหน้าและไล่ผู้ที่เข้ามารุกรานออกไปให้หมด” บังดุลกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
บังดุลยังระบุด้วยว่า เหตุผลที่ตัดสินใจออกวิ่งอีกครั้ง เพราะนอนไม่หลับหลังเห็นข่าวการรุกล้ำพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาไม่หยุด จึงตั้งใจจะวิ่งเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทหารไทย และแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “ไม่ยอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทยอีกต่อไป”
“คนเขมรบางกลุ่มไม่สำนึกบุญคุณต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เคยให้ที่พักพิง แต่กลับมาอ้างสิทธิในดินแดนของไทย นั่นคือสิ่งที่ผมรับไม่ได้ ผมขอส่งกำลังใจให้ทหารทุกคน ส่วนพวกเขมร ถ้าเจอผมเมื่อถึงภูมะเขือ เจอดีแน่!” บังดุลกล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น
#ภูมิภาค-74