วันที่ 30 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เข้าทำการรื้อบ้าน 3 หลัง ในพื้นที่ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งบ้านดังกล่าวรุกล้ำเข้ามาในดินแดนประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แม้จะได้รับการยืนยันจากกองทัพเรือแล้ว แต่ชาวบ้านชำรากบางส่วนยังคงไม่มั่นใจว่ามีการรื้อถอนบ้านทั้ง 3 หลังจริงหรือไม่ ในเรื่องนี้

นางสาวกาญจนา ไวยกูล อายุ 54 ปี ชาวบ้านตำบลชำราก เปิดเผยว่า ตนติดตามข่าวเรื่องนี้มาโดยตลอด หากถามว่าเชื่อเรื่องการรื้อบ้าน 3 หลังหรือไม่ ส่วนตัวยังเชื่อเพียงครึ่งหนึ่ง (50-50) เพราะมองว่าการรื้อถอนเกิดขึ้นเร็วมาก และในยุคปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยี AI ทำภาพให้ดูเหมือนจริงได้ จึงกลัวถูกหลอก แม้จะยังเชื่อมั่นในกองทัพก็ตาม แต่อยากให้ทหารพาผู้นำชุมชนขึ้นไปดูพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง

 

นางสาวกาญจนา กล่าวต่อว่า อยากให้ทหารจัดการอย่างเด็ดขาดและให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว เพราะปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชีวิตและการทำมาหากินของชาวบ้าน หลายคนอยู่ในสภาพหวาดระแวงและพร้อมอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหากสถานการณ์บานปลาย

 

ด้านนายมนตรี เหล็กเพชร อายุ 61 ปี ชาวตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง จังหวัดตราด แสดงความเห็นถึงกรณีอาคารกาสิโนทมอดา ว่าหากกัมพูชายังมีสมเด็จฮุน เซน เป็นผู้นำ การใช้ประโยชน์ร่วมกันของอาคารกาสิโนดังกล่าวเป็นเรื่องยาก และส่วนตัวไม่เห็นด้วย ควรรื้อถอนเท่านั้น แต่หากกัมพูชาไม่มีฮุน เซน อยู่ในอำนาจแล้ว อาจพิจารณาการใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ในอนาคต

นายมนตรี กล่าวอีกว่า หากไทยและกัมพูชาสามารถจัดการปัญหาเส้นเขตแดนให้ชัดเจน การใช้ประโยชน์ร่วมกันบริเวณชายแดนจะเป็นเรื่องดี และจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของตำบลแหลมกลัดและจังหวัดตราดได้มาก เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ากาสิโนดังกล่าวรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย เพิ่งมาทราบภายหลังว่าถนนที่สร้างไว้เพื่อการค้าขายกลับกลายเป็นทางเข้าสู่กาสิโนที่รุกล้ำดินแดน ปัญหาชายแดนตราดในขณะนี้ไม่ควรปล่อยให้เกิดความรุนแรงมากไปกว่านี้ เพราะหลังจากมีเหตุการณ์ดังกล่าว แรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศหมด รถขนส่งสินค้าที่ผ่านด่านชายแดนหาดเล็กก็หยุดวิ่ง ส่งผลให้การค้าขายซบเซา รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับบ้าน 3 หลังนั้น เดิมเป็นสถานที่ตั้งค่ายชั่วคราวของกองกำลังเวียดนาม และอยู่ในเขตประเทศไทย บริเวณตำบลชำราก ต่อมากองกำลังเวียดนามได้บุกโจมตีกองกำลังเขมรแดง และถูกทหารไทยโจมตียึดพื้นที่คืนในยุทธการชำราก เมื่อการสู้รบสงบลงในเดือนพฤษภาคม 2528 บ้านทั้ง 3 หลังถูกปล่อยร้าง ไม่มีผู้อยู่อาศัย หลังสงครามสิ้นสุด มีการรวมกลุ่มของ “เขมรสามฝ่าย” ได้แก่ ฝ่ายเขมรแดง (สายจีน) ฝ่ายเฮง สัมริน (สายเวียดนาม) ฝ่ายเขมรเสรี (เอียง สารี สายสหรัฐฯ) จากนั้นมีการจัดตั้งรัฐบาลผสม นำโดย เจ้ารณฤทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 และ สมเด็จฮุน เซน (จากสายเฮง สัมริน) เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ต่อมาอีก 4 ปี ฮุน เซนชนะเลือกตั้ง พรรคฟุนซินเปกของเจ้ารณฤทธิ์แพ้และถูกกล่าวหาว่ากบฏ ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ หลังจากนั้น สมเด็จฮุน เซนครองอำนาจในกัมพูชาเพียงพรรคเดียว โดยมีนโยบายให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดินเพื่อทำกิน และให้ทหารเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ชายแดน โดยมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละ 4 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นเหตุให้พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาฝั่งจังหวัดตราด มีทหาร ตำรวจ และประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นในพื้นที่ชายแดน รวมถึงบริเวณชำรากที่มีบ้าน 3 หลังดังกล่าว ซึ่งภายหลังถูกชาวบ้านเข้ามาปรับปรุงและอยู่อาศัย โดยฝ่ายความมั่นคงไทยไม่ได้คัดค้านอย่างเป็นทางการ จนกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

#ภูมิภาค-24