วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำคัญของภาคตะวันออก ทั้งเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม การอุปโภคบริโภค และการผลิตน้ำประปาในฤดูแล้ง พบว่า ระดับน้ำในหลายอ่างเก็บน้ำเริ่มลดต่ำต่อเนื่อง ขณะอ่างสียัดมีปริมาณน้ำน้อยน่าห่วง
โดยที่ อ่างเก็บน้ำคลองสียัด อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก มีความจุสูงสุด 420 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีน้ำเหลืออยู่เพียง ร้อยละ 25.76 หรือประมาณ 108.20 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
ขณะที่ อ่างเก็บน้ำคลองระบม อำเภอสนามชัยเขต มีน้ำกักเก็บอยู่ ร้อยละ 87.39 ของความจุ หรือประมาณ 48.49 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุเต็ม 55.5 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วน อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและขนาดย่อม หลายแห่งในพื้นที่ก็มีระดับน้ำลดลงต่อเนื่องเช่นกัน ได้แก่
อ่างเก็บน้ำลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต มีน้ำอยู่เพียง 1.50 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 4.2 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 35.76
อ่างน้ำโจน 2 อำเภอพนมสารคาม มีน้ำกักเก็บ 0.837 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 1.96 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.70
อ่างน้ำโจน 16 มีน้ำอยู่ 1.545 ล้าน ลบ.ม. จากความจุ 1.97 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น ร้อยละ 78.43
ส่งผลให้ภาพรวมของปริมาณน้ำสำรองในจังหวัดฉะเชิงเทราอยู่เพียง 160.58 ล้าน ลบ.ม. จากความจุรวมสูงสุด 483.63 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นเพียง ร้อยละ 33.20 ของความจุทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังพบว่าในพื้นที่เหนืออ่างเก็บน้ำคลองสียัด ตลอดช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา มีกลุ่มเมฆฝนลอยผ่านไปมาแต่กลับไม่ตกลงในอ่าง ทำให้ไม่มีน้ำไหลลงจากพื้นที่เหนือเขื่อน ส่งผลให้ระดับน้ำในอ่างลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำคลองสียัด ไม่เคยมีน้ำเต็มความจุหรือล้นสันฝายสปิลเวย์มานานกว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ซึ่งหากฝนยังไม่ตกในพื้นที่รองรับในเร็ววันนี้ อาจทำให้สถานการณ์น้ำต้นทุนของภาคตะวันออกตึงตัวมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมในช่วงฤดูแล้งที่จะถึงนี้