วันที่ 30 ก.ย.2568 เวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้กำหนดแผนงานโครงการคนละครึ่งพลัสและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเขนมากขึ้นทำให้คนขอนแก่นส่วนใหญ่ต่างเฝ้ารอที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

นางธีรนุช ธนะประดิษฐ์กูล เจ้าของร้านไทยสถิตย์ ถ.มิตรภาพ-หนองไผ่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ที่ จะนำกลับมาใหม่นั้นถือว่าเป็นการดีสำหรับทั้งผู้ประกอบการร้านค้า และผู้บริโภคที่ถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นในเงินแค่ครึ่งเดียว ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนที่จะเพิ่มวงเงินนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง

" ในมุมมองของร้านได้เห็นถึงประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้นๆ วันที่ 1 – 10 ของเดือนหลังเงินเข้าบัญชีเมท่านั้น เพราะเงินจำนวนเพียง 300 บาท หากเพิ่มเป็น 2,000 บาทก็จะกระตุ้นได้ทั้งเดือนประชาชนจะทยอยใช้จ่าย"

ขณะที่นายธีรศักดิ์ จันทร์สาม ชาว ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า  ดีใจที่จะได้เงินโครงการคนละครึ่งอีกครั้ง เพราะถือเป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก เพราะตนเองมีอาชีพขายข้าวแกง ได้เงินมาก็นำไปซื้อวัตถุดิบไว้ประกอบอาหารขาย เพื่อลดภาระต้นทุนลง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลมองประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีเงินจริง แม้จะได้เงินคนละครึ่งแต่เงินอีกครึ่งหนึ่งก็หาไปเติมไม่ได้

    
ด้าน น.ส.พรทิพย์ มองหนองบาท แม่ค้าขายไก่ทอด ตลาดหนองไผ่-ร.พ.ช. ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งที่ผ่านมาทำให้ยอดขายที่ร้านเพิ่มขึ้นมาก หากมีมาอีกน่าจะทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นยอดขายสูงขึ้น เพราะขณะนี้ขายไม่ค่อยดี ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้รัฐบาลช่วยจ่ายจะทำให้การค้าขายคึกคักขึ้น

" แม้จะช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็น่าจะทำให้ประชาชนกล้าที่จะใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน ตนเองและครอบครัวไม่ได้สมัครร่วมโครงการ หากมีการเพิ่มวงเงินจาก 300 เป็น 2,000 บาทมีการเปิดรับสมัครอีกจะสมัครทันที อยากให้รัฐบาลเก็บตกคนที่จนจริง ๆ ที่ยังไม่ได้เข้าถึงรัฐสวสดิการนี้ด้วย"

#ภูมิภาค-48