วันที่ 30 ก.ย.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ วันที่สอง
ต่อมา พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม ชี้แจงถึงปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เคยรับราชการชายแดนที่จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้บังคับหน่วย เป็นแม่ทัพภาค2 นำกำลังปะทะทหารกัมพูชา ปี 2554 ด้วยตัวเอง ทราบดีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามีบริบทอย่างไร แต่ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสมัยก่อน เกินกว่ากำลังทหาร หน่วยความมั่นคงหน่วยเดียวจะแก้ปัญหาได้ มีมิติอื่นต้องแก้ปัญหาเป็นแนวทางเดียวกันคือ 1.การทูตหรือการต่างประเทศ 2.ข้อมูลข่าวสาร ในยุคโซเชียลมีเดีย ข้อมูลเป็นโฆษณาชวนเชื่อ กัมพูชาใช้ข้อมูลเหล่านี้สร้างสถานการณ์ยั่วยุ เพื่อไปใช้ในเวทีโลก ถ้าไปทำตามที่เขาคิด เท่ากับเรากำลังทำลายชาติ เป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการให้เกิดขึ้น
“การเผยแพร่ข้อความ ฝากดูแลทหารไทยรอบภูมะเขือ ยังกินแต่มาม่า ปลากระป๋อง ฝนตกหนักนั้น มาม่า ปลากระป๋องบริเวณชายแดนในสถานการณ์เผชิญหน้า ถือว่าดีที่สุดแล้ว พูดในฐานะที่ผ่านมาด้วยตัวเอง ไม่มีใครเอารถไปส่งเสบียง น้ำวันละขวดเยอะแล้ว ความภาคภูมิใจไม่ได้อยู่ที่การกินอาหารดีๆ อยู่ที่การได้รับใช้ชาติ ปกป้องอธิปไตย ไม่มีใครไปเรียกร้องหาอาหารดีๆ” พล.ท.อดุลย์ กล่าว
พล.อ.อดุลย์ กล่าวว่า 3.มิติเศรษฐกิจ ขณะนี้เรากดดันกัมพูชาโดยการปิดด่าน ปิดบ่อนการพนัน ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้ทหารกัมพูชา ถ้าไม่มีบ่อนพนัน อีกไม่นานทหารกัมพูชาก็ขาดการส่งกำลังบำรุง เงินไม่มี อาหารไม่มี อยู่ลำบาก แต่การปิดด่านส่งผลกระทบประชาชนบางส่วนที่ค้าขายชายแดน ปัจจุบันเป็นสงครามลูกผสมระหว่างกำลังทหารกับกำลังที่ไม่ใช่ทหาร ทำสงครามเอาชนะโดยไม่ต้องรบ
“ใช้การบิดเบือนข้อเท็จจริง เล่นบทเหยื่อในเวทีโลก เข้าใจความอึดอัดของประชาชน การรบไม่ใช่เรื่องยาก อาชีพทหาร ไม่ใช่อาชีพนักธุรกิจ ที่ขาดทุนแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ทหารแพ้คือ อธิปไตยชาติ ถ้าตาย บาดเจ็บ ลูกเมียอยู่ลำบาก เป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ ขอให้ความเชื่อมั่นแผ่นดินไทยต้องเป็นของไทย ฝากให้กำลังใจทหารชายแดน อย่าไปดูคลิปแล้วบอกทำไมไม่ดูแลลูกน้อง บั่นทอนกำลังใจผู้บังคับหน่วย ยืนยันไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” รมช.กลาโหม กล่าว