วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
ต่อมาเมื่อเวลา 11 .07 น. นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องปัญหายาเสพติดว่า ตนให้ความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างสูงมาก ปัญหานี้เราสะสมกันมาเป็นสิบปีแล้ว เราไม่ได้เอาจริงจังมาสิบปีแล้ว ปัญหายาเสพติดที่จะแก้ได้ หลายคนอาจจะมองมาที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีครั้งนี้ที่นายกฯมาจากพรรค ภท. การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องบูรณาการ นายกฯต้องสำคัญที่สุด ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องร่วมกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข ที่แล้วมาเราตั้งงบแก้ปัญฆายาเสพติดไว้กระจัดกระจาย เบี้ยหัวแตกไปหมด มีทุกกระทรวง งบที่ตั้งไว้ 6 พันกว่าล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ตั้ง
สิ่งแรกที่จะทำรัฐบาลชุดนี้จะต้องบูรณการแก้ปัญหายาเสพติด เหมือนโมเดลที่ตนทำไว้ที่ จ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่าพวกตนทำได้เรื่องปัญหายาเสพติดที่จ.บุรีรัมย์ คือ โครงการรวมพลังและศรัทธาต้านยาเสพติด ใน 6 อำเภอเราบูรณาการกันจริงๆ เอาผู้นำชุมชน หัวหน้าส่วนราชการ มาทำเวิร์กช็อป และประชาชนมีส่วนร่วม โมเดลนี้ทำได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ถ้าจะแก้ปัญหายาเพสติดโดยวาทกรรมไม่มีทาง ประเทศเราอีก 4 ปีถ้าไม่ดำเนินการจริงจัง จะเป็นประเทศที่ง่อยเปลี้ยเสียขา เพราะประชาชนพึ่งยาเสพติด ตั้งแต่บุหรี่ไฟฟ้า กัญชา ยาบ้า กระท่อม
นายโสภณ กล่าวว่า วันนี้เราต้องร่วมกัน หวังว่ารัฐบาลโดยการนำของนายอนุทินจะทำหลักดีๆ จะไม่พอใจในตัวเลข จะไม่ใช้นโยบายที่จับต้องไม่ได้ สิ่งที่จะต้องทำต่อไป คือ กลับมาดูเรื่องกฎหมาย ต้องทบทวนกฎหมาย สิ่งที่ทาง จ.บุรีรัมย์ทำไว้อาจจะเป็นโมเดลที่ยาก ถ้าส่วนราชการไมร่วมมือ ที่สำคัญ สส.จริงใจที่จะทำ ยืนยันว่าเราทำได้ ทำเป็น และทำดีด้วย ทำได้ทันทีใน 4 เดือน
ส่วนเรื่องกัญชา พรรค ภท.ไม่ปฏิเสธเรื่องนโยบายของพรรคที่เสนอเรื่องกัญชาเราเอากฎหมายเข้าสภา สภาก็ผ่าน แต่น่าเสียดายที่ในยุคปลายของสภาชุดนั้น ท่านก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กฎหมายที่จะควบคุมกัญชามันไม่ผ่านสภา จึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ฉะนั้น เรื่องกัญชาที่คนถาม มันจบแล้ว พวกตนมีหน้าที่ปราบปรามยาเพติด และทำให้เป็นตัวอย่าง วางรากฐานใน 4 เดือนทำทันที