วันที่ 30 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รายงานสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลให้หลายอำเภอมีค่าระดับน้ำและปริมาณฝนสะสมสูงกว่ามาตรฐาน พร้อมประกาศแจ้งเตือนภัย
ดังนี้ อำเภอทองแสนขัน วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 00.20 น. เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บริเวณ ห้วยน้ำมืด บ้านวังเบน ตำบลบ่อทอง ค่าระดับน้ำ 4.12 เมตร เกินระดับวิกฤติ (4.00 เมตร)
วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 05.47 น. เตือนภัยเฝ้าระวัง (สีเขียว) คลองตรอน บ้านแสนขัน ตำบลบ่อทอง ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 83.0 มิลลิเมตร
อำเภอท่าปลา วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 05.10 น. เตือนภัยเฝ้าระวัง (สีเขียว) บ้านกิ่วเคียน ตำบลจริม ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 86.0 มิลลิเมตร
อำเภอน้ำปาด วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 05.15 น. เตือนภัยเฝ้าระวัง (สีเขียว) บ้านนากล่ำ ตำบลน้ำไคร้ ค่าระดับน้ำ 2.71 เมตร (ระดับวิกฤติ 4.50 เมตร)
วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 05.50 น. เตือนภัยเฝ้าระวัง (สีเขียว) บ้านปางเกลือ ตำบลน้ำไคร้ ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 92.0 มิลลิเมตร
วันที่ 30 กันยายน 2568 เวลา 05.55 น. เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านห้วยแมง ตำบลน้ำไคร้ ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 140.0 มิลลิเมตร สูงกว่าระดับเสี่ยงภัย
ด้าน นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานการประชุมเร่งด่วนเพื่อรับมือสถานการณ์พายุ “บัวลอย” ซึ่งเมื่อเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอน้ำปาด อำเภอทองแสนขัน และอำเภอท่าปลา โดย
นางสาวชาครียา เศรษฐเสรี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ รายงานว่า ขณะนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ :Emergency Operation Center (EOC) ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งสื่อสารเพื่อประสานความช่วยเหลือเร่งด่วน โดยเฉพาะการจัดหาเรือเข้าพื้นที่เพื่ออพยพประชาชนไปยังจุดปลอดภัย พร้อมจัดเตรียมอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ทั้งนี้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมประสานกรมทางหลวงในการซ่อมแซมเส้นทางที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเส้นทางหลัก อาทิ ถนน 117 ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่/ ผักขวง-บ่อทอง-หนองกวาง /ถนนสิริกิติ์ -น้ำปาด ที่ประสบปัญหา พร้อมแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ไม่สามารถสัญจรได้เพื่อความปลอดภัย และเร่งให้เจ้าหน้าที่/เหล่ากาชาด/หน่วยจิตอาสา จัดหาอาหาร และอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า พายุบัวลอยเริ่มอ่อนกำลังลง และคาดว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลายภายใน 10-12 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
#ภูมิภาค-13