เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 30 ก.ย. 68 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุเตรียมทำประชามติในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า โดยใช้บัตร 4 ใบ คือ บัตรเลือกสส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ ประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ และประชามติยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา รัฐบาลจะทำความเข้าใจประชาชนอย่างไรว่า เรื่องนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการทำประชามติหลายครั้งแล้ว ทางรัฐบาลจะประสานงาน และหาความร่วมมือกับทุกฝ่าย อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกระทรวงมหาดไทยที่จะเร่งทำความเข้าใจ และความคุ้นเคยให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อใช้สิทธิ์ให้ถูกต้องตามบัตรตรงคะแนน

เมื่อถามว่า ประชาชนจะเกิดความสับสนเนื่องจากมีบัตรเลือกตั้งหลายใบในคราวเดียวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นการคาดการณ์ของนายบวรศักดิ์ เพราะการลงคะแนนต้องใช้งบประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อครั้ง ดังนั้น เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ที่สำคัญเราต้องไม่ดูถูกภูมิปัญญาประชาชน ที่จะสามารถทำความเข้าใจได้ จากการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ว่าจะต้องลงคะแนนอย่างไร

เมื่อถามว่า MOU ไทย-กัมพูชา ที่จะนำมาลงประชามติจะเป็นฉบับปี 43 หรือ 44 นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา MOU 2543-2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร กำลังศึกษาอยู่ก็ต้องรอผล หากผลออกมามีความชัดเจนว่าไม่ต้องศึกษา ก็อาจจะยกเลิกได้เลยโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะอำนาจอยู่ที่ ครม. เพียงแต่เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการโยนภาระให้ประชาชน แต่เป็นการให้เกียรติมากกว่า เรื่องอะไรที่มีความแตกต่างทางความคิด และเป็นความสนใจเกี่ยวข้องกับอธิปไตยความมั่นคงของประเทศ ซึ่งทอดยาวมานานก็เลยอยากถามประชาชน

“ผมขอย้ำว่า หากผลการศึกษาออกมาแล้วชัดเจนว่าไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย และประเทศไทยไม่ได้เปรียบอะไรเลย อะไรที่ประเทศไทยไม่ได้เปรียบกัมพูชา เราก็เว้นไว้เราเลือกประเทศไทยก่อน ดังนั้นถ้าหากชัดเจนก็อาจจะเลิกเลยก็ได้ และขอย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นการให้เกียรติประชาชน ถ้าถามผม ผมทำเองผมเลิกไปแล้ว“ นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า คำว่า MOU คือ Memorandum of Understanding ถ้า MOU ทั่วไปเค้าจะเขียนว่าภายในสองปีหากไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ก็ต้องถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ดังนั้น ตนต้องดูบริบทใน MOU 43-44 ว่ามีการกำหนดให้มีการสิ้นสุดไปของ MOU นี้หรือไม่อย่างไร หาก ไม่มีการกำหนดเลย ตนก็จะบอกว่าทำไม 20 ปี ยังไม่มีความเข้าใจ ยังหาข้อตกลงกันไม่ได้ แล้วจะเก็บไว้ทำไมถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ จึงขอย้ำว่า ถ้าประเทศไทยได้ประโยชน์ก็จะเก็บ แต่ถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ก็จะเลิก

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน คือ MOA ตรงนี้ผูกพันเบี้ยวไม่ได้ 4 เดือนต้องยุบสภา แต่ MOU เมื่อเกิดความไม่เข้าใจกันเมื่อไหร่ก็ต้องเลิก นี่คือบริบทของตน แต่ก็มีคนพยายามไปตีความว่าจะต้องเลิกทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนมองว่าแบบนั้นต้องเป็นสัญญา อย่างไรก็ตามคงต้องฟัง และถามผู้รู้ทางกฎหมาย

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคง ให้ข้อมูลว่าเห็นควรจะต้องยกเลิก MOU หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของครม. ถ้าจะตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจโดย ครม.

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ากรณีจำนวนบัตรเลือกตั้ง ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการทำประชามติเรื่องยกเลิก MOU ด้วยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องรอกรรมาธิการ