เมื่อวันที่ 30 ก.ย.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ "3 กลุ่มอภิปรายนโยบายรัฐบาล" ระบุว่า...

ผมได้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งมีการแถลง2วัน คือวันที่ 29-30 กันยายน 2568 ซึ่งได้ติดตามบ้างในบางช่วง ยังไม่สามารถประเมินหรือให้คะแนนกับฝ่ายใดได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือสมาชิกวุฒิสภา

แต่เมื่อดูบรรยากาศการอภิปรายในครั้งนี้พบว่า สามารถแยกแยะ แนวการอภิปรายออกเป็น 3กลุ่ม คือ

1.การอภิปรายต้องการเปิดแผลรัฐบาลชุดนี้ เป็นการนำเอาการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นใบเบิกทาง หรือเป็นการโหมโรง เพื่อชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่อง หรือประเด็นที่สังคมจับตามอง โดยเฉพาะกรณีคดีฮั้วส.ว.และคดีที่ดินเขากระโดง ซึ่งสมาชิกฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปยัง2ประเด็นนี้เป็นหลัก รวมถึงการอภิปรายคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคนในบางกระทรวงของคณะรัฐบาลชุดนี้ว่า มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด ทำไมนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จึงกล้าแต่งตั้งมาเป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รัฐบาลชุดก่อนไม่กล้า

การเปิดแผลเรื่องคดีต่างๆ เรื่องนโยบาย เรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรี เป็นการโหมโรงเพื่อนำไปสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในโอกาสต่อไป เป็นการสร้างกระแสชี้เป้าให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้บกพร่องในเรื่องนโยบาย ในเรื่องคดีความต่างๆ และในเรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรี เพื่อสร้างความชอบธรรมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และในที่สุดรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ยอมให้เปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องยุบสภาหนีการอภิปรายไปในที่สุด

2.อภิปรายโดยการระบายความแค้น ซึ่งเห็นจากการอภิปรายของพรรคเพื่อไทย ซึ่งระบายความแค้นจากการที่ถูกชิง หรือเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล พยายามใช้ความแค้นระบายลงในเนื้อหาของการอภิปราย เพื่อให้สมกับความผิดหวังที่เกิดขึ้น ส่วนพรรคประชาชน ที่เรียกว่าฝ่ายค้ำ ก็พยายามอภิปรายให้เห็นว่า พรรคไม่ใช่ฝ่ายค้ำ แต่เป็นพรรคฝ่ายค้านที่แท้จริง จึงอภิปรายแบบหนักหน่วง เปิดประเด็นอย่างเต็มที่ ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทย ก็ตอบโต้ด้วยความแค้นเช่นเดียวกัน พยายามนำความรู้สึกในช่วงที่ถูกยึดกระทรวงมหาดไทย และออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สำหรับ ส.ว.เมื่อถูกพาดพิงจากการอภิปราย จะตอบโต้ด้วยความเครียดแค้น จากกรณีที่รัฐบาลชุดก่อนใช้ดีเอสไอตรวจสอบ และดำเนินคดีฮั้วส.ว. ส่วนประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นประธานที่ประชุม ได้พยายามสร้างภาพให้เห็นว่า เป็นกลางเพื่อหลีกเลี่ยงโดนข้อกล่าวหาว่า ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอยู่ในขณะนี้

3.เป็นการอภิปรายของสมาชิกทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล และรัฐมนตรี ที่ต้องการโชว์ฟอร์มเพื่อเรียกคะแนนนิยม เป็นการอภิปรายเพื่อหาเสียง เพราะรู้ดีอยู่ว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่จะเกิดขึ้นภายใน4เดือนนี้ เมื่อเป็นฤดูกาลหาเสียง ก็ใช้โอกาสการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นการอภิปรายแบบทิ้งทวน จะเห็นการอภิปรายแบบใช้วาทะกรรม ใช้คำที่ต้องการให้เป็นที่สนใจของสื่อโซเชียล และนำไปขยายผล หรือแชร์กัน มีการตั้งฉายาต่างๆ เช่น อนุวิน เนหนู หรือรัฐบาลดำด่าง หนูตกถังข้าวสาร โอลิโอ สตั๊นแมนฯลฯ ซึ่งเป็นการสร้างสีสันให้กับการอภิปรายนโยบาย เพื่อต้องการที่จะให้เป็นคำติดปากประชาชนผู้ติดตามการประชุมรัฐสภา

ทั้งหมดนี้เป็นประเด็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ได้แถลง2วัน และวันแรกจะเห็นสมาชิกรัฐสภาได้แสดงบทบาทในการตรวจสอบ มีการอภิปรายและการโต้ตอบ ซึ่งพอจะรวบรวมได้3ประเด็นนี้ ส่วนคะแนนจะได้เท่าไหร่นั้น น่าจะสรุปได้ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลชุดนี้สิ้นสุดลง

#เทพไทเสนพงศ์ #อภิปรายนโยบายรัฐบาล #การเมืองไทย #อนุทินชาญวีรกูล #เลือกตั้ง #ข่าวการเมือง #สภาไทย