วันที่ 29 กันยายน 2568 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง "คำขอพระราชทานอภัยโทษ ในโทษจำคุก 1 ปี ของทักษิณ" มีเนื้อหาดังนี้
ถาม ทักษิณ กล้าดีอย่างไรครับ พอศาลสั่งคดีชั้น ๑๔ ให้กลับไปติดคุก ๑ ปี ก็ลงมือทูลขอให้พระราชทานอภัยโทษ จำคุก ๑ ปีนี้ ทันทีเลย ทั้งๆที่ทรงพระเมตตาให้อภัยโทษไปแล้วตั้ง ๗ ปี ผมสงสัยว่าในทางกฎหมายแล้ว มันตื้อขอกันอย่างนี้ได้อีกหรือครับ
ตอบ เป็น “คำขอซ้ำ”ให้ทรงวินิจฉัยซ้ำอย่างชัดเจนครับ ต้องเข้าใจว่า คดีชั้น ๑๔ ศาลไม่ได้ตัดสินลงโทษอะไรใหม่ในคดีใหม่อะไรเลยนะครับ แต่เป็นคดีเก่าที่ตัดสินไปแล้ว แล้วจำเลยหนีไป
๑๗ ปีให้หลังเมื่อกลับมา เค้าก็ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออีก ๘ ปีนั้น แต่ก็ทรงพระกรุณาอภัยโทษจนเหลือโทษ ๑ ปี และเมื่อสิงหาคม ๒๕๖๖ ศาลก็ออกหมายคุมขังใน ๑ ปีที่เหลือนี้แล้ว
แต่มาปรากฏในปี ๒๕๖๘ ว่าหมายขังนี้ไม่ได้รับการบังคับตามให้ถูกต้อง เพราะมีเจ้าหน้าที่สมคบกันช่วยเหลือให้นักโทษไปนอนโรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ ศาลจึงมีคำสั่งให้บังคับตามหมายเดิมเสียใหม่คือให้ราชทัณฑ์นำตัวไปขังเลยทันที กรณีจึงชัดเจนว่า โทษ ๑ ปี ที่ทักษิณกลับมาโดนอยู่ดีนี้ จึงป็นคดีเดิมโทษเดิมที่ศาลตัดสินไปสิบกว่าปีแล้ว
ถาม แล้วโทษในคดีนี้ ก็ได้นำมาทูลขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้วด้วย จะมาตื้อทูลขอให้ทรงทบทวนอีกได้อย่างไร
ตอบ ครับ...เขาอาจเข้าใจผิด เข้าใจเอาเองว่าเป็นโทษใหม่ตามคำพิพากษาใหม่ ที่ตนสามารถทูลขอพระกรุณาได้ ไม่ใช่การร้องซ้ำในโทษเดิมคดีเดิม
ถาม คำร้องซ้ำซากอย่างนี้ ในทางกฎหมายทำได้หรือครับ
ตอบ ทำไม่ได้ครับ หลักห้ามฟ้องซ้ำ ร้องซ้ำ อย่างนี้เป็นหลักทั่วไปของกฎหมาย คำร้องใดที่ซ้ำซากอย่างนี้ รัฐมนตรียุติธรรม มีหน้าที่ต้องปฏิเสธไม่นำส่งเข้าสู่ราชการในพระองค์ ถ้าหลุดเข้าไปได้ ก็ผ่านการกลั่นกรองของสำนักองคมนตรีไปไม่ได้ครับ คำร้องนี้ต้องโดนส่งกลับ เหมือนคราวรักษาการนายกฯทูลขอให้ทรงยุบสภาเมื่อเร็วๆนี้ ที่ถูกตีกลับเพราะมีปัญหากฎหมายครับ
ถาม เห็นกระทรวงยุติธรรมเค้าบอกว่า เรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะบุคคลนี้ ตนมีหน้าที่ต้องนำส่งอย่างเดียว ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ปฏิเสธเมื่อใดจะเป็นการล่วงพระราชอำนาจไปโน่นเลย
ตอบ คิดผิดครับ เรื่องความถูกต้องทั้งข้อมูลและความชอบด้วยกฎหมาย เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ตรวจสอบรับรองจนชัดเจนเสียตั้งแต่ต้นเลยครับ เมื่อกลั่นกรองถูกต้องแล้ว กรณีก็จะเหลือแต่ดุลพินิจแท้ๆตามพระกรุณาเท่านั้น ซึ่งนักโทษก็ได้อภัยโทษไป ๗ ปีแล้วก็เกมส์แล้วในทางกฎหมาย จะเอา ๑ ปี มาร้องซ้ำอีกไม่ได้
ถาม ทักษิณจะอ้างได้ไหมครับว่า นับแต่ได้ทรงพระกรุณาอภัยโทษให้ตนเอง มาตั้งแต่สิงหา ๒๕๖๖ นั้น เวลา ๒ ปีที่ผ่านมานี้ตนได้ประกอบคุณงามความดีชิ้นใหม่ๆ มากมาย จนสามารถนำมาทูลขอให้ทรงพิจารณาอภัยโทษ จำคุก ๑ ปีที่เหลือได้อีก
ตอบ มันตรงกันข้ามกับความจริงเลยครับ ๒ ปีที่ผ่านมานี้ คดีชั้น ๑๔ ของเขาทำลายระบบกฎหมายไทยอย่างยับเยินที่สุด ผลประโยชน์ร่วมกับฮุนเซ็นของเขา ก็ทำลายความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชา และความมั่นคงชายแดน อย่างสาหัส การค้าขายชายแดน เสียหายไปเป็นแสนล้าน ชีวิตผู้คนทั้งไทย-เขมร จากโลกไปหลายพันคน แล้วจะมาอ้างเป็นความดีความชอบได้อย่างไร
ถาม ถ้าเช่นนั้น พฤติการณ์เมื่อปี ๒๕๖๖ที่เขาทูลขอเป็นความเท็จ ว่าบัดนี้ตนติดคุกแล้วจึงขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ติดคุกจริงเลย ความข้อนี้ศาลฎีกาท่านก็เห็นจึงสั่งให้ไปเริ่มติดคุกใหม่ทั้ง ๑ ปีเลย
เมื่อคำขอนี้ผิดขั้นตอนอย่างชัดเจน แต่รัฐมนตรีก็นำขึ้นทูลเกล้าไปอย่างผิดๆเช่นนี้ แล้ว ผมขอถามว่าถ้าอาจารย์เป็นรัฐมนตรียุติธรรมคนปัจจุบันจะทำอย่างไรครับ
ตอบ ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดของฝ่ายบริหารที่กราบทูลไปโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอน ในทางกฎหมายจึงทำให้พระบรมราชโองการผิดพลาด เปิดให้คนโกง โกงคุก ๗ ปีไปหน้าด้านๆ
รัฐมนตรีจึงมีหน้าที่ ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลให้ทรงพระกรุณาเพิกถอนพระบรมราชโองการอภัยโทษนี้โดยพลัน ครั้นเมื่อทรงโปรดเกล้าฯ แล้ว รัฐมนตรีก็แจ้งต่อศาลให้ออกหมายคุมขังใหม่ เป็นโทษ ๘ ปี ตามเดิมครับ
ถาม ลงเอยอย่างนี้ก็ดีนะครับ คนจะได้เห็นว่าใครจะล่วงพระราชอำนาจกันง่ายๆไม่ได้
ตอบ นี่ถ้าซ้ำด้วยโทษในคดีใหม่ ที่มีการสมคบกันช่วยเหลือนักโทษให้ไม่ต้องติดคุก ๑ ปี ทั้งกระทงแรกที่ส่งไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ ๖ เดือนโดยมิชอบ กับกระทงหลังที่พักโทษใส่เฝือกคอจอมปลอมไปนอนบ้านอีก ๖ เดือน โดยอ้างว่าทรุดโทรมช่วยตัวเองไม่ได้นั้น สองกระทงนี้ เมื่อ ปปช.กับอัยการส่งฟ้อง และศาลพิพากษาแล้ว ตัวนักโทษก็จะโดนจำคุกฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดในหน้าที่ รวมโทษสองกระทงนี้ ก็น่าจะเพิ่มอีก ๑๐ ปี รวมกับโทษเดิมเป็น ๑๘ ปี ครับ
โทษ ๑๘ ปี เช่นนี้นี่เองที่เหมาะสมกับความอุกอาจร้ายแรงของความผิด ถ้าเป็นจริงได้เมื่อใดก็จะยังผลกู้คืนให้กฎหมายไทยกลับมาเป็นหลักของบ้านเมืองได้ต่อไป