วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ) เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ วันแรก

เวลา 16.20 น. นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ตนจะพูดต่อไปไม่ได้มีอคติต่อใครทั้งสิ้น และในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็ทราบดีว่า สมควรจะพูดหรือไม่พูดอะไร แต่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 141 ระบุว่าสมาชิกรัฐสภามีสิทธิที่จะซักถามและอภิปรายทั้งในส่วนที่เป็นการสนับสนุน และคัดค้านในเรื่องความเหมาะสมของนโยบายและความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินให้สำเร็จตามนโยบาย

แต่อย่างไรก็ตามการอภิปรายครั้งนี้อาจจะกระทบไม่ว่าจะทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม กับบุคลากรที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ แต่ตนก็ไม่ทราบว่าหากไม่พูดที่นี่แล้วจะไปพูดที่ไหน ซึ่งสิ่งที่จะพูดคือประเด็นการฮั้ว สว.

“ผมมีข้อสงสัยว่าบุคลากรตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเป็นต้นไป ทั้งหมดที่นั่งเรียงลำดับอยู่ข้างบน จากประสิทธิประสาทระบบยุติธรรมนิติรัฐให้แก่ชาติบ้านเมืองได้อย่างไร” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการฮั้ว สว. นั้น ร้ายแรงและน่ากลัวกว่าที่พวกเราได้ยินข่าว เพราะ สว. มีอำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย มีอำนาจในการคัดเลือกบุคลากรองค์กรอิสระ ในการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายท่านหนึ่งไม่ได้รับเลือก กลับไปเอาอธิบดีกรมทางหลวงไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้จำเป็นต้องพูดเพราะว่าเดี๋ยวประชาชนจะไม่เข้าใจ และ กกต. ก็ได้แจ้งความท่านทั้งหมด 229 คน ถือเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งถูกทำคลอดจากพรรคฝ่ายค้านมาเป็นนายกรัฐมนตรี

“มีคณะรัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหา และมีสมาชิก 140 คนอยู่ตรงนี้ที่ถูกกล่าวหาจากคณะกรรมการการยุติธรรม และผมไม่เคยเห็นว่าจะมีคณะกรรมการยุติธรรมในคดีใดจะสามัคคีกันขนาดนี้ เพราะมีทั้งกกต. ดีเอสไอ อัยการ และมีพนักงานสอบสวนของตำรวจ สี่องค์กรจับมือกันสืบสวนสอบสวน เพราะคดีอย่างนี้มันต้องใช้คนมือชั้นเซียน ข้อเท็จจริงถึงจะปรากฏ”

นายอดิศร กล่าวต่อว่า ผลการเลือกที่ออกมาก็พบว่ามีการเลือกกันแบบซ้ำกันเป๊ะ นักสถิติก็บอกว่าถ้ามันตรงกันเป๊ะอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการจัดตั้ง มันเป็นโพยเลือกตั้งจริงๆ ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง 33 ครั้งติดต่อกันก็ยังไม่เป๊ะขนาดนี้

“ในมือผมนี่คือบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา มีการระบุจุดเริ่มต้นว่าเกิดขึ้นที่พรรคการเมืองใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการเริ่มต้นเสนอแผน มีการวางแผนแล้วก็นำเสนอ มีการพิจารณาเข้าสู่ในที่ประชุมใหญ่ มีการนัดแนะกันจนได้ ส.ว. มีการประชุมกันที่โรงแรมใด ข้อมูลมีอยู่ในเอกสารให้หมด"

นายอดิศร กล่าวว่า รายชื่อทั้งหมดที่อยู่ในคดี ก็เป็นรายชื่อเดียวกันกับที่นั่งอยู่ข้างหน้า เป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นชื่อเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาอันดับที่ 187 ชื่ออนุทิน ชาญวีรกุลเหมือนกัน ตนก็สงสัยว่านายอนุทิน 187 นี้ เป็นอนุทินเดียวกันกับที่เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า ถ้าเป็นคนเดียวกันจะไว้วางใจได้อย่างไรว่า จะไม่มีการแทรกแซง 4 เดือนที่ท่านเข้ามาอาจจะไม่ใช่การยุบสภา แต่ตนเข้าใจว่าท่านจะเข้ามายุบคดีนี้ เพราะถ้าผลการสืบสวนสอบสวนออกมาโดยละเอียด ท่านจะถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรค และคณะรัฐมนตรีทั้งหมดนี้จะต้องถูกตัดสิทธิไป

“ที่ท่านเขียนว่าท่านจะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยนั้น ผมไม่เชื่อเพราะอำนาจวุฒิสภานั้น ท่านปล้นมา เอาแบบนี้แล้วกัน แบบลูกผู้ชาย ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านลุกขึ้นมาพูดเลยว่าท่านจะไม่แทรกแซง ดีเอสไอ กกต. อัยการ และหากศาลฎีกาจะตัดสินเรื่องนี้ ท่านก็ต้องบอกท่านบวรศักดิ์ ว่าอย่ามายุ่ง แล้วก็ต้องบอกเรารัฐมนตรียุติธรรมจากบุรีรัมย์อย่ามายุ่งเรื่องนี้ได้ไหม” นายอดิศร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว. ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า ประธานในที่ประชุมได้อธิบายถึงเรื่องการ ฮั้ว ส.ว.แล้ว จึงขอให้ประธานใช้ข้อบังคับให้สมาชิกซักถามหรืออภิปรายสนับสนุนในเรื่องความเหมาะสมของนโยบาย ไม่ใช่มีแต่เรื่องรัฐบาลชุดที่แล้ว ทำให้ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานในที่ประชุม บอกให้นายอดิศร รีบสรุปในสิ่งที่อยากให้รัฐบาลทำ

ขณะที่ นายบุญจันทร์ นวลสาย ส.ว. ลุกขึ้นประท้วงว่า การพูดว่าอำนาจวุฒิสภาปล้นมานั้นเกินไป และขอให้นายอดิศรถอนคำพูดดังกล่าว พร้อมบอกว่า "ถ้าไม่ถอนก็เจอข้างนอก" ทำให้นายอดิศรถอนคำว่า ปล้นมา และเปลี่ยนใช้คำว่าสมคบกันอย่างละเอียดละออ

นายอดิศร ยังกล่าวว่า สิ่งที่ตนตั้งคำถามในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลในครั้งนี้คือเรื่องความไม่มั่นใจในการบริหารราชการแผ่นดินของท่านนายกรัฐมนตรีชื่ออนุทิน เนื่องจากมีชื่ออนุทิน 187 ที่ถูกดีเอสไอเรียกไปสอบปากคำคดีฮั้ว สว. ด้วย และนอกจากรายชื่อนี้ยังมีอีกหลายรายชื่อ ซึ่งถ้าพูดออกมาทั้งหมดก็คาดว่าสภานี้คงลุกเป็นไฟ เมื่อเป็นเช่นนี้จะให้ตนไว้วางใจให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินแม้แต่ 1 วินาทีได้อย่างไร อำนาจหน้าที่ของวุฒิสภานั้นยิ่งใหญ่ และที่ผ่านมาได้มีการสมคบคิดกระทำการจนสำเร็จไปแล้ว ถือว่ามีความผิด 1,000,000% เพราะมีหลักฐานที่แน่นหนามาก

“ท่านประธานอย่าตกใจนะครับ ท่านเองชื่อมงคล สุรสัจจะ ท่านก็มีรายชื่ออยู่อันดับที่สามครับ ส่วนรัฐบาลชุดนี้ ผมเสียดายที่ พรรคเพื่อน พรรคน้องผม ไปค้ำได้อย่างไร ผมเห็นแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้ ให้อยู่หนึ่งวันก็ไม่ได้ ซื่อสัตย์สุจริต ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย สำหรับผมไม่มี แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สักกสองสามวันก็ยังดีหนูเอ๋ย พฤติกรรมฮั้ว สว. หลักฐานรอพิพากษา งุบหงิบอำนาจวุฒิสภา อนุทิน ชาญวีรกูล หวย 187 ขอกราบขอบพระคุณ” นายอดิศร กล่าว