นายกฯ โต้เดือดปมผู้นำ! "อนุทิน" ยืนยันตำแหน่งนายกฯ จะไม่มีใครมาบ่งการได้ ตนจะตัดสินใจเองเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ พร้อมการันตี ครม. เต็มไปด้วยคนมีฝีมือและพร้อมให้ตรวจสอบความโปร่งใสทุกขั้นตอน ยกคำอดีตนายกฯสอนมวยอ้างคติ "ทักษิณ ชินวัตร" โต้ นพ.ชลน่าน ชี้ "ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา" ยืนยันรัฐบาลนี้จะเป็นอย่างหลัง คือ 'ผู้ชนะ'

วันที่ 29 ก.ย.68 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ

ต่อมาเวลา 10.50 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย ได้ลุกขึ้นตอบการอภิปรายของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ว่า การตั้งคำถามรัฐบาลของตนทำได้ไหม ทำเป็นหรือเปล่า ทำดีหรือเปล่า คำตอบคือทำได้ และคำที่เขียนนโยบายเป็นสิ่งที่ได้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าพวกเราทุกคนต้องทำได้ วิธีการของตนทำได้เร็ว และต้องทำเลย ทำเป็นหรือเปล่า ทำเป็น ในครม.ตนได้คัดสรรคนที่ล้วนมีประสบการณ์ในวิชาชีพทุกๆด้าน แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อน ตนได้ตรวจสอบประวัติการทำงาน การศึกษา และพฤติกรรม สามารถยืนยันได้ว่าทุกคนมีคุณสมบัติครบถ้วนในการบริหารแผ่นดินให้กับประเทศชาติ และประชาชน

ส่วนทำดีหรือเปล่า ขอยืนยันว่าคนเราถ้ามาถึงตำแหน่งนายกฯกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ใช้เวลาเป็น 10 ๆปี ก็ต้องถือโอกาสทำดีที่สุด ให้เป็นเกียรติประวัติ และเกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุดที่นายกฯต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นใน 4 ประเด็นที่บอกไว้จนถึงเรื่องการขาดโอกาสนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่รัฐบาลจะได้แสดงผลงาน 

“รัฐบาลนี้ไม่มีคำว่าคนละพรรค นี่คือพรรครัฐบาล ไม่มีการขัดแข้งขัดขา ไม่มีความกังวลใดที่ว่าพรรคไหนทำอะไรแล้วจะได้รับคะแนนนิยมชมชอบจากพี่น้องประชาชนมากกว่า ผมอาจจะโชคดีที่ถูกสั่งสอนมาให้เป็นคนใจกว้าง อะไรก็ตามที่ในวงวานว่านเครือ หรือเครือข่าย ที่ผมเกี่ยวข้อง ใครทำอะไรแล้วประสบผลสำเร็จ และเป็นประโยชน์ ผมมักจะอนุโมทนาสาธุ ผมจะชื่นชม และสนับสนุนทุกคนที่ทำงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จสูงสุด” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ระบุว่ารัฐบาลนี้ขาดคนมีฝีมือก็ต้องยืนยันว่า ตนให้ความเชื่อมั่นว่าทุกคนที่อยู่ในรัฐบาล คัดเลือกเอง นอกจากเรื่องคุณงามความดี ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลงานความรู้ประสบการณ์ ตนขอให้ความมั่นใจว่าครม.เต็มไปด้วยคนที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ความสำเร็จในชีวิต การกังวลเรื่องขาดความโปร่งใสขอให้สบายใจได้ เราจะต้องทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ ถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบ และต้องใจกล้าให้ทุกคนมาตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

และข้อกังวลสุดท้ายดูแล้วขาดอนาคตประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยคือการเคารพเสียงส่วนใหญ่ไม่ใช่เอาแต่ใจมาเป็นข้อตัดสิน มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ตนเห็นต่างจากนี้ไปรัฐบาลนี้จะวางรากฐาน แนวทางแบบอย่างที่ดี ในการที่จะทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมีความสดใส อย่างน้อยนายกฯคนนี้จะไม่มีใครมาบ่งการได้ ตนจะตัดสินใจเอง คิดเอง และหารือกับครม. และสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดในการที่จะตัดสินใจให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติและประชาชน 

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาว่ารัฐบาลเฉพาะกิจ ตนพูดไม่ผิด วันนี้ต้องขออนุญาตนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้วันที่ 1 ต.ค.เป็นวันแรกของการทำงานของรัฐบาล นับไป 4 เดือนคือวันที่ 31 ม.ค.2569 ยุบสภาฯแน่นอน ถือเป็นพันธะระหว่างพรรคที่ลงนามใน MOA ตนทราบความมุ่งมายของเราเป็นอย่างไร เห็นพ้องกับพรรคประชาชนว่าเมื่อถึงเวลาสมควรต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน แต่มีติงท้ายนิดหนึ่งที่ขอกระทำ และทำให้สำเร็จคือจะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่จะเข้ามาแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วทำไว้ ตนยอมรับในสภาพนี้ และครม.อีก 35 คนจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเรียกความสูญเสียทั้งในเรื่องของเกียรติภูมิของประเทศ เศรษฐกิจ ขวัญกำลังใจ และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนกลับมาสู่ประเทศไทยและคนไทยให้ได้ใน 4 เดือนมั่นใจว่าทำได้ และได้เตรียมการเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว

นายอนุทิน กล่าวว่า บางทีการทำงานทุกคนมีความรู้ความสามารถ แต่ต้องไม่เปรียบกัน บางทีว่าตัวเองทำไม่ได้ อย่าคิดว่าคนอื่นทำไม่ได้ด้วย ก็ไม่ถูกนัก ตอนนพ.ชลน่าน อยู่กระทรวงสาธารณสุข 7 เดือน ตอนนั้นตนก็เป็นรมว.อยู่ 7 เดือน แต่ตนก็ทำอะไรได้มาก อาจจะเป็นช่วงนั้นมีเรื่องของโควิด และวิกฤตด้านสาธารณสุข อาจจะมีบทบาทมากกว่าก็ไม่ว่ากัน แต่ท่านก็มีความทุ่มเทเสียสละไม่น้อยไปกว่าสมาชิกคนอื่นๆในรัฐสภา

ส่วนที่ท่านพูดถึงผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไม่ตรงความต้องการของประชาชน ตนมองต่าง รัฐบาลนี้ยกเลิกกาสิโน ไม่เอาเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทไปเฉยๆ แต่เราใช้วิธีการมีส่วนร่วม เราไม่มอมเมาพี่น้องประชาชนด้วยการพนัน เราไม่ขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจการพนัน เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกับรัฐบาล ทำให้พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากรัฐบาลในขณะนั้น 

“ผมขออนุญาตเคลมตนยืนยันชื่นชมเคารพศรัทธานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่มีคุณประโยชน์กับคนไทยมหาศาลตราบจนปัจจุบัน แต่ 30 บาทรักษาทุกที่ อนุทิน ไม่ใช่ชลน่าน ผมทำมาตั้งแต่สมัยอยู่กระทรวงสาธารณสุข 4 ปี เป็นรมว.สธ.ยาวนานที่สุดในการทำงานของรัฐมนตรีหลายสิบคนที่ผ่านมา

ผมประสานกับสปสช.ทำเรื่องทั้งฟอกไตฟรีทั้งหมด เสียดายรัฐบาลที่แล้วเอาฟอกไตฟรีออกไปทำได้บางส่วน ผมจะเอากลับมา และสิ่งนี้นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุขจะต้องทำให้ผมเห็นภายใน 2 เดือนจริงๆต้องสั้นกว่านั้นไม่งั้นผมต้องไปเป็นรมว.สาธารณสุขเอง” นายกฯ กล่าว  

นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ท่านบอกว่าการพยายามซื้อตัวเอง 1-2 พันรวมกันแล้วเป็นหลายล้าน ตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นตัวเลขที่เป็นอัปมงคล มีความพยายามที่จะทำให้ตัวเลขนี้มาทำให้คนในพรรคฝ่ายค้านไขว้เขว แต่โชคดีที่ทุกคนเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เป็นมงคลเอาไปแล้ว ทำให้อนาคตของประชาธิปไตยมืดมน คนที่ทำเป็นฝั่งที่เป็นรัฐบาลตอนนั้น ไม่ใช่มาจากพรรคภูมิใจไทยแน่นอน ขอให้ความมั่นใจทีมงานพร้อมที่จะพิสูจน์ทุกคน

ตนเคยอยู่ในรัฐบาลเดียวกับท่าน นโยบายต่างๆตนพยายามที่จะตอบสนองทุกเรื่องยกเว้นไปแตะความมั่นใจของประเทศและความเสียหายของประเทศ และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ตนจึงตัดสินใจที่จะไม่ร่วมนโยบายนี้กับท่าน ถือว่าเป็นเกียรติที่ถูกเชิญออกมาและทำให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าพรรคไหนที่คิดถึงประโยชน์พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ที่บอกว่านโยบายนี้เป็นปัญหามากกว่าทางออก ตนและครม.ทั้ง 36 คน ไม่ใช่นโยบาย และการกระทำของรัฐบาลชุดนี้ของครม.ต้องทำงานอย่างหนัก เราจะผลักดันทุกนโยบายให้เป็นทางออกของประเทศ 

“ผมขอย้อนคำพูดที่เราเคยอยู่ด้วยกัน 20 ปีก่อน และทุกคนยอมรับความเป็นผู้นำของท่าน และเคยทำประโยชน์มากมายให้กับประเทศคือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเมื่อไหร่ก็ตามเมื่อมีการประชุมครม.มีแต่การพูดถึงปัญหาทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องทำ ตอนนั้นผมเป็นรัฐมนตรี และนพ.ชลน่าน ก็เป็นเลขาฯรมว.สาธารณสุข เราทำงานด้วยกัน ในที่ประชุมครม.และผมก็จำมาทุกวันนี้

นายกฯทักษิณมักจะไม่พอใจกับครม.ที่นำเอาปัญหามาเป็นข้อแก้ตัวในการทำงาน ซึ่งตั้งแต่วันนั้นผมก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับผม จะไปทำงานที่ไหนก็ตาม เมื่อมีปัญหาท่านจะปิดไมล์ และพูดว่าจำไว้นะ ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก และผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา เพราะฉะนั้นตัวผม และครม.เป็นอย่างหลัง นี่คือเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดนี้” นายอนุทิน กล่าว