วันที่ 29 กันยายน 2568  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยิ่งตึงเครียด มีโอกาสสูงที่จะเกิดสงครามอีกรอบ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนบางส่วนเริ่มนำผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการและเด็กๆ เดินทางอพยพออกนอกพื้นที่กันบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในพื้นที่ เพื่อรอดูสถานการณ์ หากทางการและผู้นำชุมชนประกาศให้อพยพ จึงจะพากันอพยพออกและมีการเตรียมเก็บสัมภาระสิ่งของไว้บนรถยนต์เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะครอบครัวของ "น้องน้ำโขง" หรือ ด.ช.ธิติวัฒน์ บุญแต่ง อายุ 8 ขวบ ที่เสียชีวิตจากจรวด BM21 ของกัมพูชาที่ยิงมาใส่บ้าน เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา และในเหตุการณ์ดังกล่าว มีนายบัณฑิต อุ่นจิตร หนุ่มวัย 34 ปีเสียชีวิตด้วย ต่างพากันเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระไว้บนรถเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้เดินทางออกจากหมู่บ้าน รอให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนถึงจะออกไป

ขณะที่นายภิสิทธิ์ บุญแต่ง อายุ 30 ปี พ่อของน้องน้ำโขง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เปิดบาดแผลตามร่างกายจากสะเก็ด จรวด BM21 ให้ผู้สื่อข่าวดู หลังจากหายดีแล้ว พบร่องรอยสะเก็ดระเบิดพรุนทั่วร่างกายด้านขวา นับร้อยบาดแผล โดยนายอภิสิทธิ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากสะเก็ดระเบิดทะลุปอดและซี่โครงหัก นอนรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์นานนับเดือน ส่วนเด็กหญิงฐิติญา หรือน้องน้ำค้าง ลูกสาว อายุ 11 ปีได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือและแขน นอกจากนี้ยังได้นำผู้สื่อข่าวดูพื้นที่ที่จรวดตกหน้าบ้านและเล่าเหตุการณ์สลดและโหดร้ายที่ไม่อาจลืมเลือน เพราะต้องสูญสียลูกชายวัย 8 ขวบว่า ช่วงเช้าวันเกิดเหตุ ตนและลูกชาย รวมทั้งนายบัณฑิต อุ่นจิตร อายุ 34 ปี ที่เสียชิวิต ยืนอยู่บริเวณที่จรวดตก เพื่อเตรียมจะอพยพ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดลงหลายลูก จึงโผกอดลูกกระโดดจะเข้าบ้านได้เพียง 2-3 ก้าว ระเบิดก็ลงข้างๆ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดระเบิดกระเด็นใส่แต่ละคน กระเด็นไปคนละทิศละทาง ฝุ่นตลบไปทั่ง หลังจากนั้นตนลุกไม่ไหว ทุกคนแน่นิ่ง จากนั้นได้ยินเสียงแม่ที่อยู่ในบ้าน ร้องเสียงดังวิ่งมากอดลูกชายที่เลือดไหลอาบ รวมทั้งนายบัณฑิตและลูกสาวตนก็ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดที่มือและแขนด้วย ตอนนั้นลูกชายตนและนายบัณฑิตพอมีชีพจรบ้าง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตอนนั้นตนชาไปครึ่งตัวลุกไม่ได้ จึงคลานไปเอาผ้าซับเลือด หลังจากแม่ของตนอุ้มหลานวิ่งออกไปขึ้นรถไปโรงพยาบาล จากนั้นตนก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วย พบว่าตนซี่โครงหัก สะเก็ดระเบิดทะลุปอด เกือบไม่รอดชีวิต ตอนนี้ก็เตรียมการเก็บเสื้อผ้าไว้เตรียมอพยพหากเกิดเหตุขึ้น ยังคงคิดถึงลูกชายเสมอเพราะเลี้ยงมากบัมือกับตายาย ผ่านไปเพียง  2 เดือนเท่านั้น  หากมีสงครามขึ้นอีกตนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก ไม่ว่าจะเป็นทหารและประชาชนทุกคน อยากให้ทหารและรัฐบาลรีบจัดการให้จบเร็วๆ แต่ต้องรอคำสั่งตนก็เข้าใจ ชาวบ้านเตรียมพร้อมอพยพ

#ภูมิภาค-62