น้องแอ้ม พร้อมคุณแม่ เข้าแจ้งความเอาผิด กลุ่มวัยรุ่น กว่า 20 คนรุมทำร้ายร่างกายแล้ว ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พร้อมเตรียมย้ายไปอยู่ด้วยที่ ชลบุรี หวั่นไม่ปลอดภัยเพราะเกรงจะถูกทำร้ายซ้ำ ขณะที่คู่กรณีเดินทางเข้าพบตำรวจแล้ว
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 28 ก.ย.2568 ที่ สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น น.ส. ชนิดา สุวิชา อายุ 36 ปี อยู่ ต.โพนงาม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม นำ น้องแอ้ม อายุ 16 ปี ซึ่งถูกกลุ่มวัยรุ่นกว่า 20 คนรุมทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดอยู่ถนนริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.มุกมิก อายุ 16 ปี วัยรุ่นหญิงที่สวมใส่ชุดนอนสีชมพูที่อยู่ในคลิปทำร้ายร่างกาย พร้อมพวกทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง โดยมีเจ้าหน้าที่จาก พม.จ.ขอนแก่น เข้ามาให้การช่วยเหลือตามสิทธิ์ผู้เสียหายด้วย
ขณะเดียวกันกลุ่มของ น.ส.มุกมิก และพวกที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ทยอยเข้าพบตำรวจ เพื่อให้ปากคำตามขั้นตอนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงพยานในที่เกิดเหตุและพลเมืองดีที่เข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในคืนดังกล่าวด้วย
น้องแอ้ม กล่าวว่า ตนเองกับคู่กรณีเคยมีเรื่องกันมาก่อน และได้มีการเคลียร์กันจบไปแล้ว วันต่อมากลุ่มคู่กรณีบอกให้มาเคลียร์กันอีกพอไปถึงลงจากรถจักรยานยนต์ก็ถูก น.ส.มุกมิกเข้ามาทำร้ายทันที หลังจากที่ น.ส.มุกมิกตีตนเองเสร็จ ตนเองเดินหนีเลียบบึงหนองโคตรออกไป แต่ น.ส.มุกมิกกับพวกขับรถจักรยานยนต์ซ้อน 3 ไปลากตนเองกลับมารุมทำร้ายอีก โดย น.ส.มุกมิกกระชากศีรษะตนเองลากไปกับพื้นตนเองพยายามขอโทษ บอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ถ้าทำอะไรผิด ยกโทษให้หนูได้ไหม หนูจะตายอยู่แล้วพี่ปล่อยหนูเถอะ
" แต่ น.ส.มุกมิกไม่หยุดทั้งเตะทั้งต่อยทุบตีจนรู้สึกว่าสลบไปประมาณ 3 ครั้ง คนที่มาด้วยกันก็เกือบโดนทำร้าย และไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยเหลือตนเองได้ พอดึงสติได้จึงรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งพี่ๆที่อยู่ในร้านอาหารจึงแจ้งกู้ภัยและแจ้งตำรวจพาตนเองส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่ถูกทำร้ายครั้งที่นั้น น.ส.มุกมิกบอกว่าตนเองไปคุยกับแฟน น.ส.มุกมิก ซึ่ง น.ส.มุกมิกเป็นคนเอาไอจีของผู้ชายคนนั้นให้ตนเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน โดยคุยได้ 2-3 วันก็หยุดคุย ในส่วนเรื่องเครื่องสำอางของตนเองที่หายไปที่สงสัยว่า 1 ในคู่กรณีมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้มีการเคลียร์กันไปก่อนหน้านั้นแล้วที่บึงแก่นนคร ซึ่งตนเองก็ถูกตีเช่นกัน แล้วมาต่อวันที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายดังกล่าว แต่วันที่สองนั้นไม่ได้เป็นการนัดเคลียร์เรื่องของตนเองกับคู่กรณี ตนเองบังเอิญมาเจอกับกลุ่มคู่กรณีพอดี โดยก่อนจะถูกรุมตีนั้น เป็นการเคลียร์กันเรื่องของผู้ชายในกลุ่มตนเองกับกลุ่มคู่กรณี ก่อนจะลามมาถึงตนเอง โดยคนในกลุ่มคู่กรณีให้ตนเองมาอธิบายเรื่องผู้ชาย ตนเองจึงไปพอไปถึงก็โดนทำร้ายทันทีโดยไม่ทันได้อธิบาย"
น.ส.แอ้ม กล่าวต่อว่าตอนนี้กลัวไม่กล้าอยู่ที่ จ.มหาสารคาม หรือ ขอนแก่น หากคดีความจบไปแล้ว กลัวจะย้อนกลับมาทำร้ายตนเองอีก เพราะคืนที่เกิดเหตุนั้นยอมรับว่าเกือบตาย จึงตัดสินใจจะไปอยู่ที่ ชลบุรีกับครอบรัวตอนนี้อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้เป็นข้อหาพยายามฆ่า เพราะสิ่งที่ทำกับตนเองมันหนักเกินไป หากไม่มีคนช่วยก็คงอยู่ไม่ได้ถึงตอนนี้ ส่วนอาการตอนนี้หมอนัดวันที่ 10 ต.ค.2568 เพื่อเอ็กซเรย์ดูกระดูกใบหน้า ซี่โครง และกระดูกข้อมือเพราะสงสัยว่าจะแตก ส่วนฟันหน้าถูกทำร้ายจนหลุด 1 ซี่ และอีก 1 ซี่ข้างกันโยก และบาดแผลถลอกช้ำบวมทั้งตัว ซึ่งโดยส่วนตัว ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่ยอมความ
ด้าน น.ส.ชนิดา สุวิชา แม่น้องแอ้ม กล่าวว่า วันเกิดเหตุคิดว่าจะไม่เป็นอะไรเยอะ แต่พอเห็นคลิปทนไม่ไหวจึงรีบเดินทางมาหาลูกสาวทันที ตอนที่เห็นคลิปทั้งเจ็บใจและจัก อยากให้ตำรวจจับกุมคนที่ทำร้ายลูกสาวทุกคน และมารับผิดชอบ ชดใช้เยี่ยวยาค่าเสียหายทั้งหมด ให้ลูกได้รับความเป็นธรรม มีกี่คนต้องถูกดำเนินคดีและชดใช้ค่าเสียหายทุกคน และจะไม่มีการยอมความเพราะพอเห็นคลิปแล้วไม่สามารถยอมรับได้ เพราะทำกับลูกเหมือนหมูเหมือนหมา ยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ใช่จะทำผิดแล้วเอากระเช้ามาขอโทษมันเป็นไปไม่ได้ ต่อไปก็จะทำแบบนี้อีก
"ตอนนี้กังวลว่าคู่กรณีจะย้อนมาทำร้ายลูกอีก หลังเสร็จสิ้นคดีจะพาลูกกลับไปอยู่ที่ ชลบุรีด้วย เพราะอยู่กับยายที่ขอนแก่นกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากคู่กรณีลูกสาวรู้ที่อยู่อาศัย เพราะเด็กวัยนี้คึกคะนองไม่ได้กลัวอะไร และหลังเกิดเหตึคู่กรณีไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยขอโทษอะไร แต่กลับไปแจ้งความลงบันทีกประจำงันว่าลูกตัวเองไม่ผิด ทัง้ที่มีคลิปลูกตัวเอง อยากให้ตำรวจจับมาดำเนินคดีให้หมดทุกคน"
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พยายามคุยกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทุกคนระบุว่า คนที่ทำร้ายจริงมีเพียง 4 คน และที่ไปแจ้งความที่โรงพักนั้นเป็นการลงบันทึกประจำวันเอาไว้ว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งก็อยากจะขอความเป็นธรรมในส่วนนี้ด้วยเพราะตอนนี้ถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนักเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นคนก่อเหตุซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นพยายามเข้าไปห้ามแต่ไม่เป็นผล และพยายามจะพาไปส่งหอเพราะเห็นว่าคนเจ็บนั้นอาการหนักแล้ว ตามคลิปที่มีการเผยแพร่
ภูมิภาค-48