“เทพไท” ซัดพฤติกรรมนักการเมืองดูด ส.ส.–ซื้อตัว–ซื้อเสียง แฉไร้สปิริต ไม่เคารพประชาชน

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง “ยังเป็นส.ส.พรรคเดิม แต่เปิดตัวกับพรรคอื่น” ระบุว่า...

ยังเป็น สส.พรรคเดิม แต่เปิดตัวกับพรรคอื่น

แม้ว่าระยะเวลาที่จะเลือกตั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือน ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยืนยันว่าจะปฏิบัติตาม MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชนอย่างเคร่งครัด จะไม่มีการเป็นรัฐบาลต่อไปเกิน 121 วันอย่างแน่นอน ดังนั้นอายุของรัฐบาลชุดนี้จะไม่เกิน 120 วัน หรืออยู่ในห้วงเวลาไม่เกิน 4 เดือน

จึงเห็นนักการเมือง นักเลือกตั้ง พรรคการเมือง มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองกันอย่างคึกคัก นักการเมืองบางคน ละทิ้งหน้าที่ในการเป็นตัวแทนของประชาชน ไปเคลื่อนไหวหาทางสังกัดพรรคการเมืองใหม่ เป็นพรรคการเมืองที่มีกระแสบ้าง หรือมีกระสุนบ้าง ก็แล้วแต่แนวทางของนักการเมือง หรือนักเลือกตั้งแต่ละคน

แต่ที่เห็นอยู่ในขณะนี้นักการเมืองที่เป็น สส.อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีค่างวด มีค่าตัวสูงกว่า สส.สอบตก จึงทำให้มีกระแสดูด กระแสการซื้อตัว สส. มีข้อตกลงกันไว้ล่วงหน้า จนมีบางคนยอมเปิดตัวกับพรรคการเมืองที่จะสังกัดการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งที่พรรคการเมืองเดิมก็ยังสังกัดอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นการเสียมารยาทไม่มีสปิริต และไม่รู้จักเกรงใจประชาชนผู้เลือกตั้งเข้ามา เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาปี 2566 ประชาชนเขาเลือกตั้งมาในนามพรรคการเมืองเดิม แต่ยังไม่ทันยุบสภา ก็กลับกลายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่อย่างหน้าตาเฉย

อย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับคู่สามีภรรยา ที่ยังไม่เลิกรากัน ยังไม่จดทะเบียนหย่าร้างกัน แต่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ไปควงคนรักใหม่อย่างเปิดเผย เยาะเย้ยคนรักเก่าด้วยซ้ำไป

นักการเมืองยุคนี้มักมีพฤติกรรมเช่นนี้ และดูเหมือนสังคมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์หรือดำเนินการใดๆ กลับมองเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เพิกเฉยต่อพฤติกรรมของนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ไม่รักษาคำพูด หรือมักง่าย ทำให้นักการเมืองเหล่านี้ย่ามใจ ไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน พยายามทำทุกวิถีทาง หาทางสังกัดพรรคการเมืองที่มีเงินทุนมากๆ ได้เงินไปก็ไปซื้อประชาชน และประชาชนจะต้องยอมรับชะตากรรม เพราะนักการเมืองเหล่านี้ ถือว่าสิทธิ์ความผูกพันมันขาดไปตั้งแต่จ่ายเงิน และลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง

จึงอยากให้ประชาชนคนคนไทยทุกคน ได้ตระหนักในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เลือกนักการเมืองด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบาย อย่าเลือกโดยอามิสสินจ้าง ถ้าประชาชนไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกตั้ง และนักเลือกตั้งไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อเสียง ประชาธิปไตยของไทยเรา ก็จะไปไม่รอด จึงฝากอนาคตของประเทศไว้กับคนไทยทุกคน