เปิดสาระร่างแก้รธน. ฉบับ “พท.” กำหนดให้มี สสร. จากการเลือกตั้ง 100 คน พ่วง 51 ตัวแทนวิชาการ-องค์กรต่างๆ  พร้อมแบ่งเค้กให้คนการเมืองส่งตัวแทนร่วมทำรธน.ใหม่ ภายใน 180 วัน ขีดเส้นห้ามเปลี่ยนรูปแบบปกครอง-รูปแบบรัฐ  ให้สิทธิ “รัฐสภา” แก้ไข-ตีตกร่างรธน.ได้ 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในวันนี้ (25 ก.ย.) เวลา 13.30 น. พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา หลังจากที่ให้ สส.ร่วมเข้าชื่อได้ครบถ้วนแล้ว

สำหรับสาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคเพื่อไทย เสนอให้ แก้ไขใน 2 ส่วน คือ ส่วนแรกแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 156 ว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ใน 4 ประเด็น คือ เห็นชอบต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เลือก สสร.  เห็นชอบรัฐธรรมนูญ และเห็นชอบญัตติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ขณะที่ส่วนที่สอง คือ เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภายหลังจากที่ประชาชนออกเสียงประชามติเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งประกอบด้วยหลักเกณฑ์สำคัญ ได้แก่ 1.สิทธิของผู้มีสิทธิยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ครม. สส. สส.รวมกับสว. และประชาชน รวมถึงแก้ไขการลงมติของสมาชิกรัฐสภาต่อการรับหลักการญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ใช้เกณฑ์เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ของสองสภา

2.กำหนดให้มี สสร. 151 คน ที่มาโดยให้รัฐสภาเลือก 100 คน จากผู้สมัครเข้ารับการเลือกเป็น สสร. จากแต่ละจังหวัดๆ ละ ไม่น้อยกว่า 1 คน ทั้งนี้กำหนดขั้นตอนได้มาของผู้สมควรได้รับเลือกเป็น สสร.แต่ละจังหวัดผ่านการเลือกตั้งของประชาชน ที่มียอดรวมทั้งสิ้น 300 คน

และอีก 51 คนมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐสภา ที่เลือกจากบุคคลที่เหมาะสม หรือเลือกจากชื่อที่เสนอมาจาก 14 องค์กร ได้แก่ 1.สภาผู้แทนราษฎร ที่เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็น สส. ตามสัดส่วนจำนวนสส.ของแต่ละพรรค รวม 15 คน 2.สว. เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็น สว. 5 คน 3.ครม. เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี 5 คน 4.ที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาเสนอชื่อบุคคลที่ไม่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา 1 คน 

5.ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด เสนอชื่อบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครองสูงสุด 1 คน 6.สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบ 3 คน 7.ที่ประชุมอธิการบดี สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลทุกแห่ง ประชุมและเสนอชื่อ 2 คน 8.ที่ประชุมคณบดีคณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์หรือเทียบเท่าของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่ง ประชุมและเสนอชื่อบุคคล 2 คน

9.สมาคมวิชาชีพด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 3 คน 10.สภานักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐทุกแห่งเสนอชื่อบุคคล 2 คน 11.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเกษตรแห่งชาติ สภาองค์กรลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาองค์กรของผู้บริโภค และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เสนอรายชื่อบุคคลองค์กรละ 1 รายชื่อ รวม 8 คน

12.สภาวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแห่ง 2 คน 13.แพทยสภาและสภาวิชาชีพด้านสุขภาพ 2 คน และ 14.องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย 1 คน  ทั้งนี้กำหนดให้รัฐสภาเลือกภายใน 60 วันนับตั้งแต่มีเหตุให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ยังกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งเป็น สสร. ให้เสร็จภายใน 60 วัน และหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จต้องรับรองผู้สมควรได้รับเลือกเป็น สสร. ทั้ง 300 คนให้เสร็จภายใน 15 วัน จากนั้นส่งรายชื่อให้ รัฐสภาพิจารณาและลงมติเลือกโดยวิธีลับทีละจังหวัด ให้เหลือ 100 คน ตามสัดส่วนของสสร.ที่พึงมีแต่ละจังหวัด  ภายใน 15 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้ สสร. ตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 27 คนมาพิจารณา พร้อมกำหนดสัดส่วน กมธ.ยกร่าง ให้แต่งตั้งจากสมาชิก สสร. จำนวน 14 คน ซึ่งกำหนดให้คำนึงสัดส่วนภูมิภาคอย่างเป็นธรรม และเลือกจากบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ  คือ ด้านกฎหมายมหาชน 5 คน  ด้านรัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และร่างรัฐธรรมนูญ รวม 3 คน รวมจำนวน 13 คน

สำหรับระยะเวลาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคเพื่อไทย กำหนดให้ทำให้เสร็จภายใน 180 วัน พร้อมกำหนดข้อห้ามจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีผลเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ

เมื่อสสร. ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วเสร็จ ให้เสนอต่อรรัฐสภเพื่อเห็นชอบภายใน 30 วันนับแต่ได้รับเนื้อหา ทั้งนี้ให้สิทธิรัฐสภาเสนอความเห็นให้แก้ไขเพิ่มเติมและสสร.ต้องแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นหรือยืนยันร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยใช้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสสร. และส่งคืนให้รัฐสภาเห็นชอบอีกครั้ง

แต่หากรัฐสภาโดยมติ 2 ใน 3 ของสมาชิกที่มีอยู่ไม่เห็นชอบ ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญตกไป และให้สสร.ทำร่างใหม่ภายใน 90 วัน ภายใต้การเสนอญัตติของครม. สส. สส.และสว. ซึ่งกำหนดให้ทำได้เพียง 1 ครั้งของสมัยสภา ส่วนกรณีที่รัฐสภาได้รับความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ให้ส่งเนื้อหาให้กกต.จัดการออกเสียงประชามติเพื่อขอความเห็นชอบจากประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทย ไม่มีข้อห้ามใดๆ ของบุคคลที่เป็น สสร. หรือ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เข้าไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง การบริหารหรือองค์กรอิสระ ที่เป็นการปิดช่องที่จะถูกครหาว่า ฝ่ายต่างๆ เข้ามาทำกติกาเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองหรือพรรคพวกของตนเอง