ผู้ว่าฯ อยุธยา ลงพื้นที่เขื่อนพระราม 6 ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มแม่น้ำป่าสัก เน้นย้ำเฝ้าระวังระดับน้ำสูงสุดช่วงสิ้นเดือน พร้อมแจ้งประชาชนริมแม่น้ำยกของขึ้นที่สูงและดูแลผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง ขณะที่เขื่อนระบายน้ำ 500–700 ลบ.ม./วินาที
วันที่ 22 ก.ย.68 เวลา 09.30 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยนายเดชาธร เชาว์เลขา ปลัดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ลุ่มแม่น้ำป่าสัก โดยมี นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอท่าเรือ นายรณฤทธิ์ ปัญญากวาว ผอ.โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา นายกิตติพงษ์ รักจรรยา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ นางสาวสุพาพร แสงทองล้วน นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าหลวง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฯ ร่วมลงพื้นที่ ณ เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เขื่อนพระราม 6 เริ่มระบายน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระบายน้ำที่ 452 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดการณ์จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในช่วงวันที่ 25 กันยายน 2568 จะเริ่มทยอยระบายน้ำท้ายเขื่อนพระราม 6 ที่ 500 -700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากระดับน้ำ ในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เกินระดับกักเก็บ โดยทางจังหวัดได้สั่งกำชับ ให้องค์กรปกครองท้องถิ่น ในพื้นที่อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมออกแจ้งประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชน ที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ยกของขึ้นที่สูง รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง และหากต้องการเคลื่อนย้ายออกจากที่พักอาศัย ให้หน่วยงานต่างๆ เร่งช่วยเหลือออกมาโดยด่วน
ส่วนสถานการณ์ ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีการคาดการณ์จากกรมชลประทาน จะเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 60 เซนติเมตร-1 เมตร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รายงานผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง จำนวน 8 อำเภอ 107 ตำบล 648 หมู่บ้าน 33,076 ครัวเรือน