ตำรวจไซเบอร์ดำเนินคดี 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้น เสียหายกว่า 27 ล้าน

ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

วันจันทร์ที่ 22 ก.ย. 68 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ดำเนินคดี 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้น เสียหายกว่า 27 ล้าน พร้อมรวบรวบหนุ่มโพสต์อวดปืนบนโซเชียล

.

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันเร่งปราบปรามการกระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติสำคัญ รายละเอียด ดังนี้

ปฏิบัติการที่ 1 กก.4 บก.สอท.5 รวบหนุ่มโพสต์อวดปืนบนโซเชียล

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด Cyber Guard กก.4 บก.สอท.5 ได้ตรวจสอบการกระทำผิดบนโซเชียลมีเดีย พบการโพสต์อวดอาวุธปืนบนบัญชีเฟซบุ๊กบัญชีหนึ่ง จึงได้สืบสวนจนทราบว่า นายนัฐพงษ์ อายุ 38 ปี เป็นเจ้าของบัญชีและคาดว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายไว้ในครอบครองโดยซุกซ่อนไว้ที่บ้านพักอาศัยของตนเอง จึงได้

รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นต่อศาล

ต่อมา พ.ต.ท.บัญชา ทองใบใหญ่ รอง ผกก.4 บก.สอท.5, พ.ต.ท.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดพร้อมหมายค้นศาลอาญาที่ 771/2568 ลงวันที่ 19 ก.ย.68 เข้าตรวจค้นห้องพักภายใน

อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยทวีเชิดชู ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม.

ผลการตรวจค้น พบนายนัฐพงษ์ อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลางได้แก่ อาวุธปืนพกสั้นลูกโม่ ขนาด .357 ยี่ห้อเทารัส จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด .357 จํานวน 12 นัด และเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับอาวุธปืน อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว สอบถามนายนัฐพงษ์ฯ ยอมรับว่าของกลางที่ตรวจพบ ตนเองครอบครองอยู่จริงแต่เป็นอาวุธปืนของบุคคลอื่น ซึ่งตนเองไม่มีใบอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนกระสุนปืนแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมถึงแหล่งที่มาของอาวุธปืนผิดกฎหมายดังกล่าวต่อไป

ปฏิบัติการที่ 2 : กก.3 บก.สอท.2 ดำเนินคดี 20 บริษัทเถื่อน ร่วมเครือข่ายลวงลงทุนหุ้น เสียหายกว่า 27 ล้านบาท

สืบเนื่องจากผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้พบบัญชีเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “อ.นเรศ งามอภิชญ์” อ้างเป็นนักวิเคราะห์การลงทุนชื่อดัง ได้โพสต์โฆษณาชักชวนให้ลงทุน ผู้เสียหายสนใจจึงติดต่อไป จากนั้นได้ถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์ ต่อมามิจฉาชีพได้จัดประชุมสัมมนาผ่าน Zoom เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วได้อ้างว่ามีโครงการ “Profit Pulse” ซึ่งเป็นการลงทุนซื้อหุ้นนอกตลาดราคาถูกแล้วขายทำกำไร และยังให้ผู้เสียหายสมัครใช้งานแพลตฟอร์มปลอมชื่อ SAXOPLUS TH เพื่อใช้สำหรับจองซื้อหุ้น

ต่อมา ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินลงทุนเข้าบัญชีนิติบุคคลหลายแห่งเพื่อซื้อหุ้นตามที่คนร้ายอ้าง ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวนหลายครั้ง ผ่านบัญชีบริษัททั้งหมด 20 บริษัท จำนวน 21 บัญชีธนาคาร โดยคนร้ายมักอ้างว่าต้องชำระค่าธรรมเนียม ค่าทีมวิเคราะห์ ค่าแพลตฟอร์ม ค่าวางเงินสำรองปลดล็อกบัญชี หากไม่ชำระจะถูกรีเซ็ตระบบ ทำให้ผู้เสียหายโอนเพิ่มตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้และถูกอ้างว่าระบบล็อกบัญชีเนื่องจากมีคนพยายามแฮก เพื่อลวงให้โอนเงินเพิ่มอีก สุดท้ายผู้เสียหายจับพิรุธได้จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง และได้เข้าแจ้งความรวมความเสียหายทั้งสิ้น 26,679,568.39 บาท

จากการนำทีมสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ในสังกัด พบว่า มีผู้ต้องหาเกี่ยวข้องรวม 18 ราย โดยได้แจ้งข้อกล่าวหากรรมการผู้จัดการบริษัทและได้ออกหมายจับบุคคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลแล้วทั้ง 18 ราย จากทั้ง 20 บริษัท

โดยแยกเป็นแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 11 บริษัท ได้แก่

1. บจก. ดีพร้อม ไดรเวอร์ (แจ้งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68)

2. หจก. นคร เอ.เจ. 2017 (แจ้งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68)

3. บจก. ดับเบิ้ลยู พร็อพเพอร์ตี้ (แจ้งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68)

4. บจก. เค แอล เอ็ม เมดิคอล (แจ้งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68)

5. บจก. เคพีดี อินเตอร์เนชั่นแนล (แจ้งเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 68)

6. บจก. เคที โซลูชั่น (แจ้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

7. บจก. สยามกรวีณ์ (แจ้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

8. บจก. สหชัย ฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล (แจ้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

9. บจก. เอฟเอฟดี โชคชฏารัตน์ (แจ้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

10. บจก. เพิ่มทรัพย์ เทรดดิ้ง 888 (แจ้งเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 68)

11. บจก. ดลทรัพย์ (แจ้งเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68)

ออกหมายจับแล้ว จำนวน 9 บริษัท ได้แก่

1 บจก. เวิล์ด ไวด์ พร็อพเพอร์ตี้ แคร์ (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

2 หจก. เอ แอน ที คอนสตรัคชั่น 2021 (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

3 บจก. อุบลอินเตอร์ (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

4 บจก. เอ็นโซ่ ซัพพลาย แอนด์ เซอร์วิส (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

5 บจก. คริ้ปโต้เฮ้าส์ (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

6 บจก. เอ็นที.ควอลิตี้ อนาไลซ์ เอ็กซ์เพิร์ท เอ็นจิเนียริ่ง (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

7 หจก. บีทีซี ทรานสปอร์ต (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

8 หจก. เจดีลีไลฟฟ์ (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 68)

9 บริษัท พานิชกุล กรุ๊ป จำกัด (ออกหมายจับเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 68)

โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ได้จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเป็นรายที่ 19 คือ น.ส.ชลธิชา อายุ 23 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.1194/2568 ลงวันที่ 8 กันยายน 2568 กรรมการผู้จัดการ หจก.เจดีลีไลฟฟ์ โดยกล่าวหาว่า

“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงคนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาเพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปฏิบัติการที่ 3 : กก.4 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกลงทุนซื้อขายทองคำ เสียหายกว่า 7 แสนบาท

สืบเนื่องจากผู้เสียหายรายหนึ่งได้เข้าใช้งานแอปพลิเคชันเฟชบุ๊ก พบโฆษณาชักชวนให้ลงทุนซื้อขายทองคำ อ้างเป็นการลงทุน Gold futures ของร้านขายทองชื่อดัง ต่อมาผู้เสียหายสนใจจึงกดลิงก์และถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์ จากนั้นได้ถูกชักชวนให้สมัครลงทุน โดยในกลุ่มไลน์จะมีสมาชิกในกลุ่มคอยสนทนาสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อสนับสนุนให้ผู้เสียหายเกิดความอยากลงทุน นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่แอบอ้างตนเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ คอยให้คำแนะนำในการลงทุนด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินลงทุนไปจำนวนเงินทั้งสิ้น 722,996 บาท แต่สุดท้ายไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงได้เข้าแจ้งความในเวลาต่อมา

จากการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ทำให้สามารถขอศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้หลายราย โดย พ.ต.ท.ธเนศ มากสกุล สว.กก.4 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายเชิดชาย อายุ 27 ปี ชาวสระแก้ว หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของตนทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

#ตำรวจไซเบอร์ #cyberpolice #หลอกลงทุน #บัญชีม้านิติบุคคล