'ณัฐพงษ์' ยัน ไม่มีดีลลับคดี 44 สส. แน่นอน บอก ขนาดตัวเองยังไม่รู้จะรอดหรือไม่รอดอย่างไร มอง หาก 'ภท.' ทำดี 4 เดือนนี้ ก็เป็นหนึ่งตัวเลือกให้ ปชช.ลงคะแนน แต่ 'ปชน.' ไม่กังวล รับ กลไกในการตรวจสอบอาจทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หลัง 'ภท.' ไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ

วันที่ 22 ก.ย.68 ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะไม่ร่วมเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะทําให้อํานาจของฝ่ายค้านลดลงหรือไม่ ว่า ต้องบอกว่าไม่ได้ลดลง แต่อาจจะทำให้กลไกในการตรวจสอบอาจจะไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร จริงๆ กลไกฝ่ายค้าน ก็ยึดเรื่องการลงมติในสภาเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เราก็ยังคงเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมากอยู่ 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเชื่อมั่นว่า ทางส่วนของพรรคประชาชนเอง เราก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ รวมถึงประเด็นเรื่องของความจริงใจหรือความชัดเจนในส่วนของพรรคภูมิใจไทยเองในการเดินหน้าตามกรอบ MOA นั้น ตนเชื่อว่า ถ้าทางนายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเองมีความตั้งใจ มีความจริงใจในการเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามของ MOA การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็ควรจะต้องมีการพูดถึงไทม์ไลน์ที่มีความชัดเจนระดับหนึ่งในเรื่องนี้ด้วย เพื่อที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ 

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้มีความชัดเจนในส่วนนี้ พรรคประชาชนก็พร้อมที่จะตั้งคำถามในเวทีการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน 

ส่วนใน 4 เดือนนี้ จะกอบกู้พรรคอย่างไร เพราะมีการประเมินกันว่าคะแนนนิยมของพรรคประชาชนจะตกลง นายณัฐพงษ์ เข้าใจในเรื่องของความรู้สึกและข้อคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะยิ่งผู้สนับสนุนของพรรคประชาชน ซึ่งมีบางส่วนที่สะท้อนมา แต่ก็เชื่อว่าการดำเนินการของเราต่อจากนี้ในทุกๆ การแสดงออก ในทุกการทำหน้าที่ในสภา ที่เราจะสามารถกำกับไปสู่ทิศทางให้เป็นไปตามกรอบ MOA ที่เปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกับการยุบสภา เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจในการตัดสินใจของพรรคในอดีตที่ผ่านมามากยิ่งขึ้น 

สำหรับการตั้งข้อสังเกตถึงการยุบสภา จะทําให้พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนนิยม และอาจทําให้พรรคประชาชนเสียคะแนนความนิยมเพิ่มมากขึ้นนั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า ในส่วนของพรรคประชาชนเอง เราไม่ได้กังวลในส่วนนั้น เรามองว่า สิ่งที่พรรคการเมืองควรอย่างยิ่งในการรักษาสัญญาทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ให้ประชาชนมีตัวเลือกที่ดียิ่งขึ้น น่าจะเป็นบรรยากาศที่ดีที่ประชาชนได้เข้าคูหา และตัดสินใจเลือกแต่สิ่งดีๆ มากยิ่งขึ้นตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากกว่า

เพราะฉะนั้น การตัดสินใจของพรรคประชาชนในอดีตที่ผ่านมา ตนยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า เราเล็งเห็นว่าอาจจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรค แต่จะทำให้ภาพกลุ่มการเมืองไทยดียิ่งขึ้น และเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เป็นปัญหาต่อหลายอย่างที่ผ่านมา 

สําหรับกรณีดีลคดี 44 สส. นายณัฐพงษ์ ขอยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า ไม่มี ไม่มีแน่นอน ขอให้รอติดตามดูการทำหน้าที่ต่อจากนี้ในอนาคต ว่ามีหรือไม่อย่างไร ตนเชื่อว่ากาลเวลาและเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ จะเป็นคนตัดสิน
 
เมื่อถามต่อว่าหากพรรคประชาชนรอดคดีดังกล่าว ก็อาจมีการทําให้คนเชื่อมโยงกันไปมากขึ้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า อาจจะถามนำไปนิดนึง ตัวตนเองตอนนี้ ก็ยังไม่ได้มีความมั่นใจ 100% ขนาดนั้น ว่าตกลงจะรอดหรือไม่รอดอย่างไร แต่ก็มั่นใจในทีมกฎหมายของพรรค ว่าเราทำอย่างเต็มที่แล้ว และเราเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ภายใต้การถูกดำเนินการการโจมตีในกระบวนการนิติสงคราม 

สําหรับกรณีที่ สส.เขต ซึ่งมีคดีดังกล่าว อาจจะไม่ลงในเขตตัวเองต่อรอบหน้า หรืออาจจะเปลี่ยนไปลงเป็นแบบบัญชีรายชื่อแทนนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า มีกระบวนการในการพูดคุยกันภายในพรรคอย่างรอบด้าน และทำความเข้าใจกับ สส.ทุกคน ต้องบอกว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเรามาทำงานการเมืองร่วมกันในวันนี้ ก็คือเราต้องการที่จะทำให้การเมืองไทยดีขึ้น เปลี่ยนประเทศให้ระบบการเมืองเศรษฐกิจสังคมดียิ่งขึ้น

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นการเลือกตั้งที่ต้องบอกว่า เป็นโอกาสที่ดีของประชาชน ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็อาจจะมีความเสี่ยงหลายๆ อย่าง ที่ทางพรรคประชาชนเอง ก็ประเมินอยู่ เช่น ในเรื่องของคดี 44 สส. ที่อาจจะส่งผลทำให้เรามีจำนวนเสียงโหวตในสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปน้อยลงหรือไม่ ซึ่งตนก็เชื่อว่า สส.ของพรรคประชาชนทุกคนประเมินความเสี่ยงตรงนั้นได้อยู่แล้ว และตัวเขาเองก็คงไม่ได้อยากจะเพิ่มความเสี่ยงให้พรรคประชาชนเสียโอกาส ที่ทำให้อาจจะไม่ได้นายกรัฐมนตรีที่สอดคล้องต่อเจตนารมณ์ที่ประชาชนไปลงคะแนนเสียง

ส่วนกรณีที่นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรค ให้ความเห็นไปนั้น ตนเข้าใจว่า เป็นการให้ความเห็นในบรรยากาศของงานกิจกรรมของเขา ก็เป็นสิ่งที่เขาอาจจะประเมินเองโดยส่วนตัว และมีบางส่วนที่อาจจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่พวกเราหารือกันอย่างรอบด้าน ซึ่งหากมีความชัดเจนอย่างไร ตนจะนำเสนอต่อไปในอนาคต

สําหรับกรณีมีการตั้งสังเกตว่า หากพรรคภูมิใจไทยทําดีภายใน 4 เดือนนี้ รอบหน้าจะได้รับคะแนนนิยม นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนว่าต้องตอบอย่างงี้ดีกว่า ว่าถ้าเขาทำดีภายใน 4 เดือน รักษาสัญญา ไม่ได้ตีรวน กระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำให้กระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าจริง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพรรคที่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีของประชาชนในอีกกลุ่ม ซึ่งเราก็พร้อมที่จะแข่งขันกับพรรคภูมิใจไทย และทุกๆ พรรคอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าคูหา ลงคะแนนเสียงได้รัฐบาลที่ดีที่สุดในการทำงาน