ลานบ้านกลางเมือง / บูรพา โชติช่วง : กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) นำคณะผู้แทนไทยร่วม “มหกรรมวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมนานาชาติ (ตุนหวง) ครั้งที่ 8” ในฐานะประเทศเกียรติยศ ณ มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน นำ Soft Power ไทย “โขน–โนรา–สงกรานต์–นวดไทย–ต้มยำกุ้ง” อัตลักษณ์ไทยผ่านศิลปะการแสดงและมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมที่ขึ้นบัญชีมรดกโลกยูเนสโก สร้างความประทับใจผู้เข้าร่วมกว่า 90 ประเทศ สานสัมพันธ์ไทย–จีน ครบรอบ 50 ปีการทูตบนเวทีโลก
วันที่ 21 กันยายน 2568 เวลา 08.30 น (เวลาท้องถิ่น) นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ) เปิดเผยว่า ตนในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมวัฒนธรรมเส้นทางสายไหมนานาชาติ (ตุนหวง) ครั้งที่ 8 (The 8th Silk Road (Dunhuang) International Cultural Expo) ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้นำรัฐบาลจีน ผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ เอกอัครราชทูต และผู้แทนจากกว่า 90 ประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ในโอกาสนี้ ปลัดวธ หัวหน้าคณะผู้แทนไทย และรองผู้ว่าการมณฑลกานซู่ (Mr. Wang Bing) ผู้แทนมณฑลกานซู่ ได้ร่วมเป็นประธานเปิดคูหาประเทศไทย (Thai Pavilion) อย่างเป็นทางการ ซึ่งปีนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากรัฐบาลสาธารณรัฐ ประชาชนจีน เชิญให้เป็นประเทศเกียรติยศ ในการเข้าร่วมงาน ในโอกาสที่ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน โดยคูหาประเทศไทยจัดแสดงภายใต้แนวคิด The Miracle of Faith ซึ่งมีแรงบันดาลใจจากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดอรุณราชวราราม จัดแสดงนิทรรศการถ่ายทอดศิลปะ ประเพณี และภูมิปัญญาไทย พร้อมจัดแสดง มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ 5 รายการที่ขึ้นบัญชียูเนสโก ได้แก่ โขน โนรา นวดไทย ประเพณีสงกรานต์ และอาหารไทย “ต้มยำกุ้ง” อันสะท้อนเอกลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง
ปลัด วธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไฮไลท์ของงานมีการแสดงและกิจกรรมอื่นๆ ได้แก่ การแสดงโนราจากภาคใต้ที่งดงามวิจิตร การจำลองบรรยากาศสงกรานต์ที่เต็มไปด้วยสีสันและความสนุกสนาน การแสดงโขนโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ รวมทั้งกิจกรรมสาธิตและการต้อนรับแบบไทยที่สร้างบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมทั้งชาวจีนและนานาชาติ ซึ่งผู้แทนมณฑลกานซู่และผู้เข้าร่วมงานต่างชื่นชมและประทับใจการจัดแสดงของไทยว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ สะท้อนความงดงาม ประณีต และร่วมสมัยของศิลปวัฒนธรรมไทย พร้อมยกย่องโขน โนรา และกิจกรรมสงกรานต์ว่าเป็นมรดกที่น่าภาคภูมิใจและสร้างความประทับใจอย่างยิ่ง
“การเข้าร่วมงานครั้งนี้ ไม่เพียงเผยแพร่วัฒนธรรมไทยสู่สากล แต่ยังตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้าน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วัฒนธรรมไม่ใช่เพียงสิ่งที่ควรอนุรักษ์ แต่ยังสามารถต่อยอดเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างรายได้และเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ” ปลัด วธ. กล่าว
ทั้งนี้ การเข้าร่วมมหกรรมยังเป็นก้าวสำคัญในการสานสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมไทย–จีน ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน ตอกย้ำบทบาทของไทยในการใช้วัฒนธรรมเป็นพลังแห่งมิตรภาพ ความเข้าใจ และความร่วมมือบนเวทีโลก อีกด้วย