จากกรณีผู้รักความเป็นธรรมได้ตระเวนส่งบัตรสนเท่ห์ได้กล่าวโทษโดยมิได้ลงชื่อผู้เขียนจริง ส่งไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักข่าวหลายแห่ง ระบุพบการทุจริตในโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 1 (สพป.นม.1) ซึ่งมีจำนวนนักเรียน 4,028 คน มากที่สุดในกลุ่มโรงเรียนอนุบาลดอกบัวประเทศไทย ทั้งผู้บริหารและครูผู้สอนได้แสวงหา ผลประโยชน์จากนักเรียน โดยจัดการสอนพิเศษในวันหยุดและเรียกเก็บเงินจากผู้เรียนรายละ 1,600 บาท เปิดห้องเรียนร่วม 100 ห้อง ใช้ทรัพยากรทางราชการเปิดเครื่องปรับอากาศ,น้ำประปา,ไฟฟ้ารวมทั้งอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนจำนวนเกือบ 100 ห้อง นอกจากนี้ต้องจ่ายค่าเช่าห้องละ 1,500 บาท ให้กับผู้บริหาร สอบถามผู้ปกครองส่วนใหญ่เกรงหากไม่เรียนพิเศษ บุตรหลานจะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ นั้น
วันที่ 21 ก.ย.68 นายศุภณัฏฐ์ ศุภรานนท์ ผอ.รร.อนุบาลนครราชสีมา พร้อมครูและบุคลากรชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า การจัดสอนพิเศษเป็นโครงการกิจกรรมเสริมศักยภาพให้นักเรียนยกระดับด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ ซึ่งเป็นความสมัครใจของผู้ปกครองไม่มีเวลาดูแลบุตรหลานในวันหยุด ได้รวมตัวทำหนังสือร้องขอให้โรงเรียนจัดกิจกรรมขึ้น โดยนำเสนอโครงการต่อ ดร.พจน์ เจริญสันเทียะ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และได้รับการอนุมัติ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครองที่ต้องทำงานและไม่มีรายได้มากพอนำบุตรหลานไปเรียนพิเศษตามสถาบันเอกชน ดังนั้นผู้ปกครองเล็งเห็นโรงเรียนมีความปลอดภัย ครูผู้สอน รวมถึงบุคลากรดูแลอย่างใกล้ชิด ขอยืนยันการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการและมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเดือนข้อมูลจำนวนผู้เรียนเสริมในวันเสาร์ มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ป.6 ไม่สามารถกำหนดได้ เนื่องจากเป็นความสมัครใจบางรายเรียนเพียง 1 เดือน หรือต่อเนื่องจนจบเทอม ราคากำหนดต่อเดือนประมาณ 1,500 บาท นำไปเป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นเช่น อาหารกลางวัน ขนม เบรก รวมทั้งอุปกรณ์การจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นหนังสือร้องเรียนที่ส่งต่อเป็นความเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน จากนั้นได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เยี่ยมชมบรรยากาศการเรียนการสอนและการดำเนินกิจกรรมของครู นักเรียนชั้นปฐมวัย บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นสนุกสนาน
ด้านนางสาวสุกัญญา ผันสระน้อย อายุ 46 ปี ผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 2/11 เผยว่า โครงการนี้เป็นเรื่องดีมากๆ เนื่องจากตนไม่มีเวลาดูแลบุตรในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ การนำบุตรมาฝากไว้กับครูผู้สอนมีความรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยมากกว่านำไปเรียนกับสถาบันเอกชนที่มีราคาแพงกว่า 2 -3 เท่า ที่ผ่านมาโครงการเสริมศักยภาพนักเรียนฯนี้ช่วยให้บุตรสามารถมีความรู้ในการอ่าน เขียน คิดคำนวณได้ดีขึ้น ขอให้ทางโรงเรียนจัดโครงการนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง