ชาวบ้านชายแดน รวมญาติเซ่นไหว้ แซนโฎนตา ตามประเพณีบุญเดือน 10 ของชาวอีสานใต้ ท่ามกลงาสถานการณ์ตึงเครียด พร้อมขอพรให้ชาวบ้านชายแดนและทหารปลอดภัย หากเกิดสงครามรอบ 2 วอนแม่ทัพภาคที่ 2 รีบจัดการ พร้อมส่องเลขเด็ด

วันที่ 21 กันยายน 2568  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดของชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งชาวบ้านไม่ค่อยไว้วางใจในสถานการณ์ ที่อาจจะเกิดการปะทะกัน ทำให้ต้องอพยพรอบ 2 ทั้งความตึงเครียดจากในพื้นที่ บ.หนองจาน จ.สระแก้ว และพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี รวมทั้งการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่มีการเสริมกำลังและเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

แต่ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน ก็ยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ แม้จะหวาดระแวงอยู่บ้าง แต่ทุกคนต่างก็ตื่นตัวพร้อมอพยพได้ตลอดเวลาหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น อย่างไรก็ตาม นอกจากการดำเนินชีวิตที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาแล้ว ประเพณี”แซนโฎนตา”(อ่านว่า แซน-โดน-ตา) ซึ่งเป็นภาษาเขมรพื้นถิ่นสุรินทร์ ที่แปลว่า”เซ่นไหว้บรรพบุรุษ”ชาวบ้านก็ยังคงพากันประกอบพิธีแซนโฎนตากันทุกหลังคาเรือนทุกหมู่บ้าน ตลอดทั้งวันกันอย่างคึกคัก ในวันนี้

สำหรับประเพณีแซนโฎนตา เป็นประเพณีดั้งเดิมของจังหวัดสุรินทร์ ที่ประชาชนชาวสุรินทร์ได้ถือปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เป็นการทำบุญให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ให้ได้รับกุศลผลบุญ ที่ลูกหลานได้อุทิศให้ซึ่งตรงกับวันแรม 14 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ชาวสุรินทร์จะพร้อมใจกัน หยุดภารกิจหน้าที่การงานทั้งหมด และนัดหมายไปรวมกัน ณ บ้านที่เป็นศูนย์กลางของครอบครัวส่วนใหญ่จะเป็นบ้านของผู้ที่อาวุโสที่สุดของครอบครัว พร้อมกับเตรียมเครื่องไหว้มาทำพิธีเซ่นหรือแซน เช่นหัวหมู ไก่ เนื้อ ปลา ข้าวสาร ข้าวสวย ผลไม้ ขนมหวาน ขนมกระยาสารท ข้าวต้ม หมูและข้าวต้มหางยาว เพื่อไหว้บรรพบุรุษของตนเองที่ล่วงลับไปแล้ว ประเพณีแซนโฎนตา นอกจากเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นกุศโลบายของบรรพบุรุษ ที่มีจุดหมายให้ลูกหลาน ได้แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษผู้มีพระคุณ และมีโอกาสได้พบปะเครือญาติ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งยังมีความเชื่อว่า วันแซนโฏนตานี้ ถ้าลูกหลานคนใดไม่ได้ไม่ไปร่วมแซนโฎนตา โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วอาจไม่พอใจ ส่งผลให้การทำมาหากินประกอบอาชีพไม่ราบรื่น ไม่ก้าวหน้า จิตใจเป็นกังวลไม่เป็นสุข ความเชื่อนี้ ชาวจังหวัดสุรินทร์ส่วนใหญ่ จึงไปร่วมพิธีแซนโฏนตาที่บ้านบรรพบุรุษ หรือไม่ก็จัดพิธีแซนโฎนตาที่บ้านของตนทุกปี จากความสำคัญของวัฒนธรรมประเพณีที่ถือปฏิบัติมาอย่างยาวนานของชาวสุรินทร์

 โดยไงแซนโฎนตา (วันสารทใหญ่) คือ แรม 14 ค่ำ เดือนสิบ(10) ปี 2568 ปีนี้ ตรงกับ วันอาทิตย์ ที่ 21 กันยายน พ.ศ.2568 และเป็นวันที่ญาติพี่น้อง ภายในครอบครัว จะต้องไปร่วมกันทำบุญ โดยเชื่อว่ายมบาลจะปล่อยวิญญาณออกมาในวันเวลาแตกต่างกันตามแต่ผลบุญที่ทำไว้ ใครถูกปล่อยออกมาก่อนก็จะได้รับอานิสงส์มากกว่าวิญญาณที่ถูกปล่อยทีหลัง ดั้งนั้นในวันแรม 14 ค่ำ จึงเป็นการอ้อนวอนให้ยมบาลปล่อยวิญญาณออกมาให้หมดเพื่อให้มารับอานิสงส์ผลบุญด้วยตนเอง ที่ครอบครัวญาติพี่น้องได้ทำบุญและประกอบพิธีเซ่นไหว้ให้วิญญาณ จะได้ทุกข์ทรมานน้อยลง และเช้าวันถัดมาคือวันแรม 15 ค่ำ จะนำของไปทำบุญที่วัด ยังเชื่ออีกว่าหากไม่มีญาติพี่น้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ วิญญาณเหล่านั้นจะอดอยากทุกข์ทรมาน และอาจโกรธแค้นสาปแช่งผู้คนต่างๆ นานา การเซ่นไหว้ จึงเป็นการขอความคุ้มครองและอ้อนวอนให้บรรพบุรุษปกปักรักษาตนเองและครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วย  ตามความเชื่อของคนไทยพูดภาษาเขมรสุรินทร์

โดยเฉพาะที่บ้านของนายสมคิด สายแก้ว เลขที่ 111 ม.1 บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนช่องจอม ก็พบว่าญาติพี่น้อง คนเฒ่าคนแก่และลูกหลาน ได้รวมตัวกันจัดพิธีแซนโฎนตา บูชาบรรพบุรุษ กันอย่างอบอุ่น นอกจากจะขอพรบรรพบุรุษให้ช่วยปกป้องลูกหลานให้มีความสุขและปลอดภัยจากภัยสงครามแล้ว ยังขอพรให้ทหารไทยทุกนายปลอดภัยจากอันตรายใดๆหากเกิดสงครามรอบ 2 ขึ้น อีกด้วย

และหลังจากเสร็จพิธีเซ่นไหว้ แล้ว ต่างพากันส่องเลขเด็ดจากธูปเสี่ยงทาย พบเป็นเลข 446 และจะพากันนำเลขเด็ดดังกล่าวไปเสี่ยงโชคในงวดที่จะถึงนี้ตามระเบียบอีกด้วย

นางวีรณา  ลีลาบุตร อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 ม.1 บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิงฯ กล่าวว่า ก็ขอพรโฎนตา  หากเกิดสงครามอีกก็ขอให้ปลอดภัยทุกคน ประเพณีแซนโฎนตา เป็นประเพณีของชาวสุรินทร์ รวมญาติมาเซ่นไหว้ และขอพรตายายดูแลรักษาทุกคนที่อยู่ชายแดนให้ปลอดภัย รวมทั้งลูกๆทหารขอให้ปลอดภัยด้วย ถ้าเขมรยิงระเบิดมาก็ขออย่าให้โดนชาวบ้านและทหาร และก็ขอให้ทหารยึดแผ่นดินไทยได้หมดทุกตารางนิ้ว ให้แม่ทัพภาคที่ 2 รีบจัดการก่อนจะเกษียณแล้ว