วันที่ 19 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หมู่บ้านตาเมียง ม.1 หมู่บ้านหนองคันนา ม.8  ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์  ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม พบว่าชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิต ออกไปทำไร่ทำนา กรีดยาง นำวัวควายออกไปผูก และค้าขาย  กันตามปกติ ขณะที่ผู้สูงอายุและชาวบ้าน ได้พากันนำใบมะพร้าวอ่อนมาเตรียมห่อข้ามต้มมัดใบมะพร้าว เพื่อเตรียมจัดพิธี แซนโฎนตา  (แซน-โดน-ตา) หรือที่เรียกว่า พิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวเขมรท้องถิ่นอีสานใต้ คล้ายกับ วันสารทไทย หรือสารทจีน นั่นเอง ที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิบ ของทุกปี จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  "ประเพณีสารทเดือนสิบ'นั่งเอง 

ทั้งนี้การดำเนินชีวิตของชาวบ้านดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความหวาดหวาดระแวง ว่าจะเกิดการปะทะรอบที่ 2 หลังจากมีเหตุการณ์ความตึงเครียดที่หมู่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนยิ่งต้องตื่นตัวและเฝ้าระวังว่าจะเกิดเหตุบานปลายและเกิดสงครามอีกรอบดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็มีการเตรียมพร้อมเก็บสำภาระสิ่งของใส่กระเป๋าไว้พร้อมอพยพอยู่ตลอดเวลาหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น

นางมณทิรา ยิ่งยงสุข อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ม.1  บ.ตาเมียง ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก กล่าวว่า  ที่นี่ไม่ตึงเครียดเท่าที่บ้านหนองจาน แต่ก็ฟังข่าวคราว รอดูสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าได้ยินเสียงปืนค่อยออกไป กังวลไม่มาก เพราะเราเคยผ่านการอพยพมาแล้ว ผู้นำชุมชนให้เตรียมของที่จำเป็นให้ใส่รถไว้ ตนคิดว่าจะเกิดสงครามรอบสองแน่นอน แต่ไม่รู้วันไหน เราพร้อมอพยพ ให้ทหารจัดการให้เรียบร้อยเลย อย่าเหมือนเมื่อก่อน เมื่อปี 54 คราวนี้เอาให้จบเลยตนไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่าน เปิดแล้วเขมรได้ใจ ให้จัดการพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน ฝากถึงแม่ทัพเอาที่ดินแผ่นดินของเรามาให้หมดเลย ก่อนเกษียณ ทหารขับรถผ่านหน้าบ้านตนก็ตำส้มตำ ผัดหมี่ มีอะไรก็จะโบกรถทหารฝากให้ตลอด ขอเป็นกำลังใจให้ลูกหลานทหารขอให้สู้ๆและปลอดภัยทุกนาย  ส่วนกรณีว่ากังวลหรือไม่ว่าชาวเขมรจะเข้ามารื้อลวดหนามที่ตาเมือนธม ตนมองว่า น่าจะไม่กล้าเข้ามา เพราะชายแดนด้านนี้มีแต่ทหารทั้งทหารเขมรและไทยตรึงกำลังอยู่พร้อมอาวุธ  ซึ่งจะเป็นอันตรายและสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะ