วันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางสาวเกศรัชฎา กลั่นกรอง รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ เปิดเผยว่า จากการประชุมชี้แจงแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอใช้บริการบำบัดน้ำเสีย รวมถึงชี้แจงสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ที่สามารถยื่นขอรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียได้
กรุงเทพมหานครได้กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่อยู่ในพื้นที่บริการซึ่งถูกควบคุมตามกฎหมายนั้น ต้องยื่นคำขอรับบริการบำบัดน้ำเสียและชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่มีระบบบำบัดน้ำเสียที่สามารถปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด สามารถยื่นคำร้องเพื่อขอรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิยกเว้นจะต้องมีภาระในการรายงานผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้งต่อกรุงเทพมหานครเป็นประจำทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง
สำนักการระบายน้ำได้เน้นย้ำถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมาย โดยระบุว่า หากเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด กรุงเทพมหานครจะดำเนินการระงับการให้บริการบำบัดน้ำเสียชั่วคราว และจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครมีความพร้อมในการให้บริการบำบัดน้ำเสีย โดยมีศูนย์ควบคุมคุณภาพน้ำรวม 8 แห่ง ได้แก่ ศูนย์สี่พระยา รัตนโกสินทร์ ช่องนนทรี หนองแขม ทุ่งครุ ดินแดง จตุจักร และบางซื่อ ซึ่งศูนย์เหล่านี้มีกำลังการบำบัดน้ำเสียรวมกันกว่า 1.1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยทำหน้าที่ปรับปรุงคุณภาพน้ำเสียที่มาจากบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ โรงงาน และสถานประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณภาพน้ำที่ระบายลงสู่คูคลองและแหล่งน้ำ สาธารณะนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
ในการนี้ สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร จึงขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วนในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันรักษาคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ด้านนายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการและแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียม โดยยึดตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2547 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และกฎหมายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย พร้อมระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องรวม 7 ฉบับ ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดยจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียสำหรับเดือนกันยายน 2568 เป็นเดือนแรก โดยมีมาตรการและแนวทางการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ดังนี้
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมในระยะแรกจะมุ่งเน้นการเก็บค่าธรรมเนียมแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 3 ได้แก่ โรงแรม โรงงาน สถานประกอบการที่มีการใช้น้ำเกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน และสถานที่อื่นที่ใช้ประโยชน์ในลักษณะคล้ายคลึงกัน อัตราค่าธรรมเนียม 8 บาทต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนแหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ยังยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย โดยถือเป็นภาคสมัครใจ หากกลุ่มนี้ยื่นคำขอรับบริการบำบัดน้ำเสีย ก็จะต้องชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ประกอบด้วย
แหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 1 ได้แก่ บ้านเรือนที่พักอาศัย อาคารชุด คอนโดมิเนียม อะพาร์ตเมนต์ และหอพัก คิดอัตราค่าธรรมเนียม 2 บาทต่อลูกบาศก์เมตร แหล่งกำเนิดน้ำเสียประเภทที่ 2 ได้แก่ หน่วยงานของรัฐหรืออาคารที่ทำการของเอกชน มูลนิธิ ศาสนสถาน โรงพยาบาล และสถานศึกษา รวมถึงสถานประกอบการที่ใช้น้ำไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน คิดอัตราค่าธรรมเนียม 4 บาทต่อลูกบาศก์เมตร โดยการคิดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับประเภทที่ 1 และ 2 จะคิดจากร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำประปาที่ใช้
สำหรับทางเลือกและการยกเว้นค่าธรรมเนียม เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่อยู่ในขอบเขตพื้นที่บริการที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย ต้องยื่นคำขอรับบริการบำบัดน้ำเสียและชำระค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการสามารถแสดงเจตนารมณ์ตามกฎหมายและมีทางเลือก ดังนี้
1. คำขอรับบริการบำบัดน้ำเสีย (รบ.1) สำหรับกรณีที่ไม่ต้องการเดินระบบบำบัดน้ำเสียเต็มรูปแบบ
2. คำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย (ยว.1) สำหรับกรณีที่สามารถเดินระบบบำบัดน้ำเสียของตนเองได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด โดยผู้ที่ได้รับยกเว้นจะต้องรายงานผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทิ้งต่อ กทม. เป็นประจำทุกเดือน
3. คำขอรายงานปริมาณการใช้น้ำบาดาล (ปก.1) สำหรับกรณีที่ใช้น้ำบาดาลแทนน้ำประปา
4. คำขอติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำเสีย (นท.1) สำหรับกรณีที่ปริมาณการใช้น้ำไม่สัมพันธ์กับปริมาณน้ำเสีย เช่น โรงงานผลิตน้ำดื่ม หรือน้ำแข็ง
โดยยื่นแบบคำร้อง/คำขอ/รายงาน สามารถทำได้ผ่านระบบออนไลน์ที่ https://tariffconnect.bangkok.go.th หรือติดต่อที่สำนักงานจัดการคุณภาพน้ำ สำนักการระบายน้ำ ผู้ที่ได้รับการพิจารณาบริการบำบัดน้ำเสียจาก กทม. จะได้รับหนังสือรับรองเป็นหลักฐาน
ด้านประโยชน์ของการชำระค่าธรรมเนียม นายเอกวรัญญู กล่าวว่า การชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสียช่วยให้ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยถูกกว่าการเดินระบบบำบัดน้ำเสียของตนเอง อีกทั้งยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล บำรุงรักษาระบบให้เป็นไปตามมาตรฐาน และถือเป็นการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสิ่งแวดล้อมทางน้ำที่ยั่งยืน รวมถึงต่อยอดการจัดการน้ำเสียโดยการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติมในอนาคต
ทั้งนี้ สามารถรับชำระค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสแกน QR code / barcode ผ่าน Mobile banking ของธนาคารที่ให้บริการชำระบิลข้ามธนาคารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์