ทหารพราน สนธิกำลังตำรวจ ฝ่ายปกครอง สกัดเข้ม จับกุมกัมพูชาลักมุดป่าลำไยลอบเข้าเมืองผ่านช่องธรรมชาติกว่า 50 ราย อ้างโดนหลอกขายฝัน หนีความอดอยาก หวังกลับมาหางานในไทย
วันที่ 18 ก.ย. 68 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสนธิกำลังร่วมกันเข้ากวาดล้างและจับกุมชาวกัมพูชาจำนวนกว่า 50 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนจังหวัดจันทบุรี โดยผู้ถูกจับกุมให้การรับสารภาพว่าตัดสินใจหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเพราะความอดอยากและต้องการมาหางานทำ
ปฏิบัติการในครั้งนี้อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ปัญญา เรือนดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแปลง และ พ.อ.เชมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี , น.อ.ใกรสร โพธิ์ตุ่น หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน 2 และผู้บังคับบัญชาจากหน่วยงานต่างๆ
โดยพฤติการณ์ในการกระทำความผิด สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกตรวจพื้นที่บริเวณสวนลำไย หมู่ที่ 8 ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยจำนวนมาก กำลังเดินอยู่ในพื้นที่ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และทำการตรวจสอบ ซึ่งพบว่าบุคคลทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา และเมื่อตรวจสอบเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วไม่พบหลักฐานใด ๆ มาแสดง
จากการสอบสวน ชาวกัมพูชาทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้เดินทางข้ามคลองตามแนวชายแดนจากฝั่งกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้ามาหางานทำ เพื่อหนีความอดอยาก หลังจากที่ถูกผู้นำหลอกให้เดินทางกลับประเทศ อ้างว่ามีงานรองรับรับ แต่จนปัจจุบันยังถูกลอยแพ เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวในกัมพูชา กลับถูกปฏิเสธ บอกว่าตำแหน่งงานที่เปิดรับเต็มหมดแล้ว จำต้องหนีตายลักลอบกลับเข้ามาหางานทำในประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนถูกถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมได้ก่อน
หลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าว (กัมพูชา) เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” หลังจากดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว ได้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแปลง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตามการจับกุมในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแรงงานชาวกัมพูชาที่จะหลบหนีความยากลำบากในประเทศเพื่อมาแสวงหาโอกาสในประเทศไทย
ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังคงเป็นความท้าทายที่หน่วยงานความมั่นคงจะต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง