กลุ่มประชาชนฯ บุกสภา ยื่นหนังสือให้ 'พรรคประชาชน' พรรคขวัญใจคน 14 ล้านเสียง ถามหาความรับผิดชอบที่สนับสนุน “ภูมิใจไทย” จนได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย กังวล “นายกฯอนุทิน”แทรกแซงเพื่อฟอกขาวคดี “เขากระโดง”-ฮั้ว สว.”

วันที่ 17 ก.ย.68 ที่รัฐสภา นายภัณฑิล ม่วงเจิม และนายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย สส. พรรคประชาชน รับหนังสือจากกลุ่มประชาชนต่อต้านการทุจริต 4 ภาค เพื่อติดตามคดีเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. โดยภาคประชาชน แถลงการณ์ ระบุว่าเป็นที่ทราบกันดีว่าในขณะนี้ สถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ค่อนข้างมีความตลับซับซ้อน สับสนวุ่นวายเพราะมีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งในมุมของประชาชนเห็นว่า การที่พรรคประชาชนเป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดการเมือง การสับสนวุ่นวายในครั้งนี้

ในฐานะภาคประชาชนขอแสดงความคิดเห็นต่อพรรคประชาชน ดังนี้ 1.พรรคประชาชนที่มี 143 เสียง จะมีการรับผิดชอบอย่างไรกรณีสนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีเสียง 64 เสียงไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งในระบบการเมืองในลักษณะนี้ มีผลต่อการบริหารประเทศ และความสง่างามในสังคมโลก จากผลกระทำและที่เกิดขึ้น การเมืองระบอบประชาธิปไตยที่ผิดปกติ 2.การที่มีกลุ่มบุคคลไปยื่นเรื่องฟ้องร้องในคดี การลงนามใน MOA อาจจะเป็นข้อที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และถ้าหากว่าสุดท้ายแล้ว MOA ขัดต่อรัฐธรรมนูญจริง พรรคประชาชนจะรับผิดชอบต่อความเสียหาย นี้อย่างไร

3.การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นที่ทราบว่าสังคมไทยรับทราบว่าประเทศไทยมีมือที่มองไม่เห็น มีอำนาจที่เราตรวจสอบไม่ได้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้หรือไม่ เพื่อหาหนทางในการฟอกขาว ในคดี 2 คดีคือที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วสว. และศาลปกครองได้ตัดสินออกมาแล้วว่า ที่ดินเขากระโดงนั้นเป็นที่ดินของการรถไฟ แต่ไม่มีการดำเนินการเพิกถอนให้แล้วเสร็จ ในขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

จึงกังวลใจได้ฝากไปยังพรรคฝ่ายค้านคือ เมื่อนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะเข้ามาแทรกแซงคดีเขากระโดงให้ล่าช้าหรือไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรมของกฎหมายหรือไม่ ส่วนคดีหัวฮั้วสว. ประชาชนคนไทยได้ตัดสินไปแล้วว่ามีการฮั้วและโกงจริง จนสว. กลุ่มนี้ได้ไปทำงาน และได้โหวตบุคคลสำคัญๆหลายคนไปทำงาน ในหลายๆองค์กร อาจการเป็น เข้าไปแทรกแซงของนายอนุทิน หรือไม่ในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่ามีอำนาจมากมาย

“เรื่องที่กังวลใจคือกรณีแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นมา อยากให้พรรคฝ่ายค้านได้ตรวจสอบ ความซื่อสัตย์สุจริตและจริยธรรม ว่าเป็นไปตามกรอบของกฎหมายหรือไม่ ในโอกาสนี้ที่เรามายื่นต่อพรรคฝ่ายค้าน เพราะมีความเชื่อมั่นในการทำงานว่า ซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญ ตรงไปตรงมา เป็นที่ศรัทธาของประชาชน ถึง 14 ล้านเสียง และเชื่อว่าพรรคประชาชนจะตอบสนองต่อข้อกังวลใจดังกล่าว”

ด้านนายภัณฑิล กล่าวว่า สว. มีการฮั้ว มีเส้นทางการเงินชัดเจน มีโพย เอไอวิเคราะห์การเลือก ซึ่งเป็นข้อกังวล จากที่ประชาชนได้ตัดสินไปแล้ว ถึงมีคำว่า สว. สีน้ำเงิน ดังนั้น พฤติกรรมอื่นที่เราเห็นในช่วงที่ผ่านมา วุฒิการศึกษาปลอม บางท่านมีพฤติกรรมก้าวร้าว โดยทั้งหมดนี้ ต้องขอให้สื่อมวลชนติดตามต่อด้วย และเราจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด