วันที่ 17 กันยายน 2568 ทีมข่าวได้รับการประสานจาก นางสาว บี (นามสมมุติ) ชาวอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันทำธุรกิจร้านอาหารย่านบางชัน กรุงเทพมหานคร เพื่อเปิดเผยพฤติกรรมนายอำเภอรายหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังถูกกล่าวหาว่าหยิบยืมเงินรวมกว่า 110,000 บาท ตั้งแต่ปี 2557 แต่ยืดเยื้อมาถึงปี 2568 รวมกว่า 11 ปีแล้วยังไม่คืนเต็มจำนวน
นางสาว บี เล่าว่า เริ่มรู้จักนายอำเภอรายนี้จากการไปปรึกษาคดีของน้าชายเมื่อปี 2557 หลังจากนั้นจึงสนิทกันและถูกขอยืมเงินครั้งแรก 50,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปลงทะเบียนเรียนปริญญาโท ด้วยความไว้ใจและเห็นว่าเป็นข้าราชการ จึงโอนให้ ต่อมาไม่กี่เดือนถูกขอยืมอีก 50,000 บาทด้วยเหตุผลเดียวกัน และในเวลาต่อมายืมเพิ่มอีก 10,000 บาท โดยอ้างว่าต้องรีบใช้เงินที่เขื่อนเชี่ยวหลานและไปเล่นไพ่กับเพื่อน ๆ รวมทั้งหมด 110,000 บาท
ผู้เสียหายเผยว่า ตลอดหลายปีไม่เคยทวงถาม เพราะคิดว่าข้าราชการย่อมมีความรับผิดชอบ แต่เมื่อประสบปัญหาธุรกิจ การเจ็บป่วยของตนเอง รวมถึงค่าใช้จ่ายงานศพคุณตาและค่ารักษาแม่ที่ต้องผ่าตัดเข่า จึงเริ่มทวงหนี้ แต่กลับถูกนายอำเภอบ่ายเบี่ยง และยอมจ่ายคืนเพียง 10,000 บาท พร้อมขู่จะฟ้องกลับ ทั้งที่มีหลักฐานการโอนเงิน การสนทนา และการยอมรับหนี้ครบถ้วน
นางสาว บี ยืนยันว่า แม้หนี้บางส่วนอาจใกล้หมดอายุความ แต่เมื่อมีการชำระเงินคืนมา 10,000 บาท เท่ากับว่ายังมีการรับสภาพหนี้ ทำให้คดียังไม่สิ้นสุด หากรวมดอกเบี้ยตามกฎหมาย ยอดหนี้จะเกินกว่า 200,000 บาทแล้ว
เธอเตรียมทำหนังสือร้องเรียนไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอความเป็นธรรมและดำเนินการทางวินัยกับนายอำเภอรายนี้ พร้อมยืนยันว่าหลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา และข้อความข่มขู่ถูกเก็บรวบรวมไว้อย่างครบถ้วนเพื่อใช้ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น