วันที่ 15 ก.ย.2568 เวลา 14.40 น.ศูนย์สุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถชนขอบทางและเกิดเพลิงลุกไหม้ บนทางยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิ สาย 1 มุ่งหน้าเข้าถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ในเขตของลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดต่อระหว่างสมุทรปราการ กับทางกรุงเทพมหานคร ศูนย์สุวรรณภูมิจึงประสาน สายตรวจจราจรที่อยู่ใกล้เคียงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พอเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงพบว่าเริ่มมีแสงเพลิงและกลุ่มควันโพยพุ่งขึ้นที่หน้ารถ รปภ.จราจรจึงวิทยุขอสนับสนุนรถดับเพลิงและกู้ชีพกู้ภัย ก่อนจะรีบระดมถังดับเพลิงไปฉีดพยายามดับไฟ แต่สุดท้ายไม่เป็นผล เปลวไฟเริ่มโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมาทีมดับเพลิงและกู้ภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางมาถึงและเข้าระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงใช้เวลาไม่นานเพลิงจึงสงบ และพอเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่หน้ารถนั่งส่วนบุคคลคันเกิดเหตุ ปรากฏว่าไปเจอรถจักรยานยนต์คันหนึ่งถูกชนติดมากับหน้ารถฝั่งซ้ายและเกิดเพลิงไหม้ทั้งคันจนเสียหาย แต่ไม่พบตัวคนขับรถจักรยานยนต์แต่อย่างใด   เจ้าหน้าที่การท่าจึงกระจายกำลังเดินเท้าค้นหาจนไปเจอว่าตัวของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้น ถูกชนจนร่างกระเด็นขึ้นไปติดค้างอยู่บนขอบราวสะพานยกระดับและอัดติดคาอยู่ที่ซอกสาไฟฟ้าส่องสว่าง โดยพบว่าอาการสาหัส  จึงประสานร้องขอรถพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9  และทีมกู้ภัยที่สูงพร้อมเครื่องตัดถ่างจากมูลนิธิร่วมกตัญญูมาช่วยเหลือที่เกิดเหตุ เนื่องจากต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดโคนเสาและตัดเหล็กที่เสียบคาขาของผู้บาดเจ็บออก โดยการช่วยเหลือในครั้งนี้ค่อนข้างยากลำบากสำหรับเจ้าหน้าที่เนื่องจากเป็นช่องแคบและตัวผู้บาดเจ็บเองนอนคว่ำหน้าอยู่บนขอบราวสะพาน ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจจะพลิกตกลงไปด้านล่างของพื้นราบได้ หลังจากที่ทีมกู้ภัยได้ประเมินสถานการณ์และวางแผนในการช่วยเหลือในการเซฟตี้ตัวผู้บาดเจ็บแล้วจึงปฏิบัติการช่วยเหลือนำขาออกมาจากซอกเสาได้สำเร็จ ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะช่วยออกมาได้ ซึ่งพบว่าผู้บาดเจ็บอาการสาหัส

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พยาบาลของมูลนิธิร่วมกตัญญูที่ได้พูดคุยกับตัวของผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือนาย  สงกรานต์  อายุ 28 ปี ให้ข้อมูลว่ามารับเอกสารที่สนามบินเพื่อจะไปส่งลูกค้าตามที่ว่าจ้างมา ระหว่างทางได้เปิดจีพีเอสเพื่อนำทาง แล้วถูกจีพีเอสพาขึ้นมาบนทางยกระดับ พอคนเจ็บหันไปเห็นป้ายทางด่วนจึงรีบจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อวกรถกลับลงมาและเป็นจังหวะที่รถเก๋งคู่กรณีพุ่งชนท้ายจนร่างกระเด็นติดขอบทางยกระดับดังกล่าว

ขณะที่ หญิงสาว อายุ 48 ปี คนขับรถนั่งส่วนบุคคลคันเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่าตนเองเพิ่งลงเครื่องกลับมาจากต่างประเทศจึงทำให้พักผ่อนน้อย ประกอบกับมีโรคประจำตัว พอหลังจากที่ลงเครื่องเสร็จก็จะขับรถกลับบ้านพักในกรุงเทพมหานคร พอมาถึงที่เกิดเหตุตนเองวูบหลับในทำให้รถเสียหลักชนกับคู่กรณี ซึ่งตอนชนตนเองไม่รู้ตัว มารู้อีกทีคือพุ่งชนอะไรบางอย่าง จนรีบตั้งสติและประคองรถชิดซ้ายก่อนจะจอดและเกิดกลุ่มควันออกที่หน้ารถจึงรีบเปิดประตูวิ่งหนีตายออกมาก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ดังกล่าว

เบื้องต้นตำรวจจะได้เชิญตัวคนขับรถรายนี้ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สน.ลาดกระบังเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝากเตือนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สำหรับทางยกระดับสายดังกล่าวห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นไปใช้ทางโดยเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านทางทางสนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งเจ้าหน้าที่คอยกวดขันจับกุมและปรับสูงสุดมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนแอบขึ้นไปใช้เส้นทางดังกล่าว