เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 14.30 น. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ พร้อมกิจกรรม “มุ่งเป้าอนาคตประเทศไทยเพื่ออากาศสะอาด” ณ โรงแรมอิมพีเรียล รีสอร์ท จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามยุทธศาสตร์ ววน.
พิธีลงนามจัดขึ้นโดย นางสาวเสาวนีย์ มุ่งสุจริตการ รองผู้อำนวยการ วช. เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน, นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) รวมทั้งผู้บริหารส่วนจังหวัด แผนกวิจัย และนักวิจัยภาคีเครือข่าย
นางสาวเสาวนีย์กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายหลักในการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากงานวิจัยเพื่อลด PM2.5 ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนถือเป็นพื้นที่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์สุดท้าย กิจกรรมดังกล่าวมุ่งเน้นการรับฟังปัญหาและข้อเสนอจากชุมชน เคารพวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพทุนมนุษย์และการมีส่วนร่วมของประชาชน
การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้มีผู้ร่วมลงนามทั้งหมด 7 หน่วยงานภาคี ได้แก่
นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน
นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)
นายไพฑูรย์ สำราญไพรวัลย์ รองนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน
นางสาวจีรวรรณ คำมาตา หัวหน้าส่วนยุทธศาสตร์การเกษตร ผู้แทนประธานสภาเกษตรกรจังหวัด
นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ดร.ภูดิท อักษรดิษฐ์ ประธานสภาลมหายใจจังหวัดแม่ฮ่องสอน
นายนิรันดร์ วิชัยสกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ การลงนาม MOU มีเป้าหมายเพื่อนำ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่แม่ฮ่องสอนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้กับความต้องการชุมชน สนับสนุนการวางแผนเชิงนโยบายด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ และสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และประชาสังคม
นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ ระบุว่า งานวิจัยและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการจัดการ ไฟป่าและหมอกควัน ของแม่ฮ่องสอนในปี 2569 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่นางสาวกุลวรากล่าวว่า การวิจัยร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาและลาว จะช่วยลดหมอกควันข้ามแดน และนำแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือไปปรับใช้ต่อไป