นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2552 ซึ่งเป็นเวลากว่าทศวรรษ ที่ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในการเสด็จไปทรงเยี่ยมประชาชนและติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้จะทรงมีพระกรณียกิจมากมายเพียงใด แต่ยังทรงมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสืบสานงาน พอ.สว. ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการสาธารณสุขไทย” และพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกถิ่นฐาน ได้รับการตรวจรักษา ป้องกันโรค ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพอนามัยอย่างทั่วถึง ดังเช่นการเสด็จไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในพื้นที่ 2 จังหวัดทางภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2568
ในการนี้ ทรงเยี่ยมประชาชน พร้อมพระราชทานพระวโรกาสให้ผู้ป่วยที่ยากไร้ และด้อยโอกาส เฝ้า โดยทรงรับฟังการถวายรายงานการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้ดูแล และทรงซักถามถึงอาการของผู้ป่วยด้วยความห่วงใยและใกล้ชิด ซึ่งผู้ป่วยนำเฝ้าแต่ละรายนั้นจะมีอาการของโรคที่มีความซับซ้อนหรือเป็นโรคที่รักษายาก และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง ได้แก่ โรคไตวาย โรคภาวะโพรงสมองคั่งน้ำแต่กำเนิด โรคมะเร็งโคนลิ้น โรคโปรตีนรั่วในปัสสาวะ และโรคหูหนวกทั้งสองข้าง อีกทั้ง ทรงมีพระวินิจฉัยร่วมกับแพทย์ โดยมีพระกรุณารับไว้ในพระอนุเคราะห์ เพื่อส่งตัวไปรับการรักษายังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ที่พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ การพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ควบคู่กับเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ได้พระราชทานเงินสงเคราะห์จากมูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่ทรงเป็นองค์ประธานก่อตั้งขึ้น แก่ผู้ป่วยในพระอนุเคราะห์ ยังความปลื้มปีติแก่ผู้ป่วยที่ได้รับพระอนุเคราะห์และครอบครัวเป็นล้นพ้น ซึ่งมูลนิธิจุฬาภรณ์เป็นองค์การสาธารณกุศลในพระดำริของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนสนับสนุนทุนการศึกษาและทุนอุดหนุนการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือโรคระบาดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ในการเสด็จเยี่ยมหน่วยแพทย์ พอ.สว. ทุกจังหวัด จะพระราชทานพระวโรกาสให้สมาชิก พอ.สว. ได้เข้าเฝ้าโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ อาสาสมัครสายแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงอาสาสมัครสายสนับสนุน เพื่อพระราชทานเข็มเครื่องหมายกรรมการมูลนิธิ พอ.สว. แก่ผู้แทนกรรมการ และอนุกรรมการ พอ.สว. ประจำจังหวัด และพระราชทานเข็มเครื่องหมาย พอ.สว. เข็มพระนามาภิไธยย่อ สว. และโล่ พอ.สว. แก่อาสาสมัคร พอ.สว. ตามลำดับ
จากนั้น สมาชิก พอ.สว. ร่วมกันขับร้องเพลง “ใจดวงหนึ่ง” ซึ่งเป็นบทเพลงพระนิพนธ์ในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พร้อมมีพระดำรัสพระราชทานแก่ สมาชิก พอ.สว. เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยทรงเน้นย้ำว่าการทำงานให้บรรลุผลสำเร็จตามที่มุ่งหมายนั้น ควรยึดหลักการทรงงานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ดังพระดำรัสตอนหนึ่ง ณ ศาลาประชาคมเทศบาลตำบลแสนตุ้ง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 ความว่า “...อยากขอให้ทุกคนทำตามศาสตร์พระราชา คือเป็นสิ่งที่ในหลวง ร.9 สอน ที่ต้องเรียกศาสตร์พระราชาก็เพราะท่านสอนครอบคลุมมาก ไม่ได้สอนแค่ปลูกต้นไม้ ทำนา จับปลา แต่ท่านสอนทุกศาสตร์โดยเฉพาะศาสตร์ที่หายาก เดี๋ยวนี้มันก็อาจจะไม่มีแล้ว ก็ขอให้ทุกคน อย่าลืมสิ่งที่พ่อหนูสอน...”
การทรงงานของพระองค์ ถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของ สมาชิก พอ.สว. ทุกคน ให้เกิดความมุ่งมั่นปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถเพื่อการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบูรณาการความร่วมมือจากทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ทั้งจากหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำจังหวัด หน่วยแพทย์พระราชทานโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ รวมถึงโรงพยาบาลประจำท้องถิ่น และสาธารณสุขจังหวัดตราดและจันทบุรี ที่ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความจงรักภักดีและไม่หวังสิ่งตอบแทนแต่อย่างใด สำหรับกิจกรรมออกหน่วยแพทย์ พอ.สว ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ประกอบด้วย บริการด้านทันตกรรม การบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก การอบรมให้ความรู้และฝึกตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ตลอดจนการให้บริการปรึกษาปัญหาสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งภารกิจของหน่วยแพทย์พระราชทานครั้งนี้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี ด้วยพระเมตตา และความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของประชาชนชาวไทยผู้ยากไร้และด้อยโอกาสเสมอมา ด้วยทรงตระหนักดีว่า สุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชน เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการสร้างทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ และสามารถเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน
นอกจากพระราชทานแนวทางการรักษา และส่งเสริมบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีมาตรฐานแก่ประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังทรงห่วงใยในทุกข์สุขของกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในห้วงเวลานี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จึงได้พระราชทานถุงยังชีพจากสำนักกิจกรรมพิเศษ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ หน่วยงานในพระดำริฯ ซึ่งบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ จังหวัดละ 100 ชุด แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนหน่วยทหาร ตำรวจ เพื่อเชิญไปมอบแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความมั่นคงบริเวณชายแดนต่อไป
การพระราชทานกำลังใจและสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้แก่ประชาชนและกำลังพลทุกนาย ทั้งยังซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ทรงติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างใกล้ชิด ด้วยความห่วงใย และทรงเพียรพยายามหาหนทางบรรเทาทุกข์เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุขกันโดยถ้วนหน้าสืบไป