วันที่ 13 กันยายน 2568 นางธิดารัตน์ รอดอนันต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่มีแนวโน้มจะเปิดด่านชายแดนกับประเทศกัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดนครราชสีมา แม้โคราชจะไม่มีพื้นที่ติดชายแดนโดยตรง แต่การค้าชายแดนกลับมีผลกระทบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างมันสำปะหลัง ที่ช่วงปิดด่านทำให้หัวมันจากฝั่งกัมพูชาลดลง กระทบต่อปริมาณที่ลานมันและโรงงานได้รับ
ผู้แทนภาคอุตสาหกรรมระบุว่า สิ่งสำคัญคือความมั่นคงของประเทศ โดยกองทัพภาคที่ 2 มีบทบาทสำคัญในการดูแลสถานการณ์ชายแดนให้คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม มูลค่าการค้าระหว่างไทย–กัมพูชามีมากกว่า 160,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อด่านปิด ผู้ประกอบการต้องใช้เส้นทางลาวในการส่งออกสินค้า ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา
สำหรับเอสเอ็มอีในโคราช คาดว่าผลกระทบไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากธุรกิจที่พึ่งพาชายแดนมักอยู่ใกล้พื้นที่แนวชายแดนโดยตรง แต่โรงงานที่ใช้วัตถุดิบจากกัมพูชายังต้องหาทางชดเชย แม้จะกระทบบ้างแต่ไม่มากนัก สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือกำลังซื้อในประเทศที่ลดลง ทั้งนี้ ภาคธุรกิจยังจับตานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เช่น “คนละครึ่ง” ที่อาจช่วยเสริมสภาพคล่องเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้ดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตในประเทศสูงกว่าคู่แข่งราว 10–15% ส่งผลให้เสียเปรียบด้านการส่งออก ภาคอุตสาหกรรมย้ำว่า สิ่งที่ต้องการที่สุดจากรัฐบาล คือการรักษาความมั่นคงชายแดนควบคู่กับการเร่งเจรจาเปิดการค้า เพราะหากทำได้ทั้งสองด้าน จะเป็นผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ