หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล (HIDA) รุ่นที่ 5 โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดบรรยายพิเศษเสริมความรู้และเปิดมุมมองใหม่ สำรับอาหารไทยคือยา ผสานศาสตร์การแพทย์แผนจีน เพื่อเสริมสุขภาพแบบยั่งยืน

เริ่มต้นด้วยกิจกรรม HIDA TALK กับคุณธรรศ ชูพาพงษ์ กรรมการบริหารโรงพยาบาลวรรณสิริ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง มาพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและความก้าวหน้าของการทำศัลยกรรมในประเทศไทย  รวมถึงแนะนำข้อดี-ข้อเสียของเครื่องมือบำรุงและคงสภาพผิวพรรณ   โดยคุณธรรศเชื่อว่าความสวยงามสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ เพราะความงามส่งผลทางจิตวิทยาช่วยเสริมสร้างสุขภาพกาย-สุขภาพจิตที่ดี  และยังสร้างความมั่นใจในการเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิต

ต่อมาเป็นการบรรยายในหัวข้อ “สำรับอาหารไทยคือยา” โดย อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา แพทย์แผนไทยประจําคลินิกการแพทย์แผนไทย หม่อมราชวงศ์สอาด ทินกร เปิดมุมมองความเข้าใจเรื่องสำรับอาหารไทยคือยา  อาจารย์คมสันระบุว่าอาหารคือสิ่งที่กินเป็นประจำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนยาคือการกินเพื่อรักษา กินในปริมาณที่จำกัดและกินเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง 

ซึ่งการกินอาหารให้เป็นยา ต้องอาศัยปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น ความรู้เรื่องจักรราศี หรือธาตุเจ้าเรือนที่สัมพันธ์กับส่วนประกอบของอาหาร เพื่อรักษาสมดุลของธาตุ, การกินตามช่วงเวลา สภาพอากาศและฤดูกาลที่ถูกกับสรรพคุณของอาหาร  เช่นน้ำขิง ควรกินช่วงเย็นหรือช่วงฝนตก  เพราะขิงมีรสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดอาการหนาว ทำให้ร่างกายอบอุ่น

ส่วนตัวยาตามศาสตร์แพทย์แผนไทย แหล่งที่มามีทั้งพืชสมุนไพร ส่วนประกอบจากสัตว์ และแร่ธาตุ อาจารย์คมสัน ย้ำว่าข้อควรระวังไม่ควรกินยาเป็นอาหาร เพราะยาหม้อหรือยาสมุนไพรหากกินเป็นประจำหรือระยะยาว อาจทำให้เสียสมดุลธาตุหรือเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น จึงควรอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์แผนไทย 

และปิดท้ายด้วยการบรรยายหัวข้อ “แนะนำศาสตร์การแพทย์แผนจีน” โดย ดร.แพทย์จีน เยาวเกียรติ เยาวพันธุ์กุล ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การแพทย์แผนจีน คลีนิคการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว


ดร.เยาวเกียรติ ระบุว่าการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าความสมดุลของ หยิน–หยาง และ ธาตุทั้งห้า คือหัวใจ ม้าม ปอด ตับ และไต เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสมดุลของร่างกาย  เพราะหากเกิดเสียสมดุลจะทำให้เกิดโรคได้  

พร้อมทั้งแนะนำอาหารและสมุนไพรที่ช่วยปรับสมดุลของธาตุ เช่นเก๋ากี้ ช่วยบำรุงสายตาและปรับอารมณ์, เม็ดบัว ช่วยบำรุงหัวใจ, ขิง ถั่วเขียว ลูกเดือย สาลี และแตงโม ช่วยลดความร้อนและป้องกันพิษจากภายนอก เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังให้ความรู้เรื่องของท่าบริหารร่างกายตามศาสตร์แพทย์แผนจีน เช่นการยืด เหยียด ตบ และกดจุดสำคัญ เพื่อช่วยบรรเทาและแก้อาการต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

สำหรับหลักสูตร HIDA รุ่นที่ 5 มีดร.สมชาย อัศวเศรณี เป็นประธานหลักสูตรฯ และพล.อ.ต.(ญ) ดร.พัชรี พิพิธสุขสันต์ เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร  ที่มีการบูรณาการศาสตร์การแพทย์  6 ศาสตร์ ได้แก่ การแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย  แพทย์แผนจีน  ดุลยภาพบำบัด โฮมีโอพาธีย์ และ ศาสตร์แห่งความสุข เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐและเอกชน ให้มีความรู้และทักษะในการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของศาตร์สุขภาพไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับตนเองและสามารถนำไปช่วยเหลือสังคมได้