เสียงชื่นชมในความเป็น “ผู้นำพรรค” ที่ “ด้อมส้ม” และ “กองเชียร์” มีต่อ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน แม้จะ “ดัง” แต่อาจยังไม่มากพอที่จะ “กลบ” เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่มาจากการไม่เห็นด้วยที่ “พรรคประชาชน” จะมีมติ “โหวตหนุน” ส่งให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ก้าวขึ้นเป็น “นายกฯคนที่32” อย่างฉลุย และเตรียมตัวเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลกันแล้ว !
เกมการต่อสู้ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” ค่ายแดง กับ “พรรคภูมิใจไทย” ฝั่งสีน้ำเงิน ดำเนินกันมาพักใหญ่ ตั้งแต่ทั้งสองพรรค ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ในครม. “เศรษฐา ทวีสิน” จนมาถึง “แพทองธาร 1”
พรรคประชาชน ยืนยันว่าการตัดสินใจเทเสียง “143 สส.” เพื่อหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯคนใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.68 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการ “ผ่าทางตันประเทศ” และที่สำคัญยังต้องการให้ อนุทิน เข้าไปยุบสภาฯ คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการเลือกตั้งใหม่ จึงวางเงื่อนไขกรอบเวลากันเอาไว้ที่ 4 เดือนเท่านั้น !!
แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา กลับกลายเป็น พรรคส้ม โดนวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งที่ว่าไม่ทันเกม นักการเมืองเขี้ยวลากดิน ได้อย่างไร , ใครจะการันตีได้ว่า การยุบสภาฯจะเกิดขึ้นได้ในอีก 4เดือนข้างหน้า หรือ หากรัฐบาล “หนู1” อยู่ยาว พรรคประชาชนจะรับผิดชอบไหวหรือไม่
ยังไม่นับรวมปัญหาการแต่งตั้ง “บุคคล” เข้าไปนั่งเป็น “รัฐมนตรี” ในกระทรวงต่างๆ เพราะเมื่อมีชื่อถูกปล่อยผ่านสื่อออกมากลับทำให้หน้าตาครม. “หนู 1” มีเสียง “ยี้” ตามมา จะเว้นก็แต่ “คนนอก” มือดีที่จะเข้ามาเสริมทัพด้าน “เศรษฐกิจ”
ไม่ว่าจะเป็น ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ และ "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.จำกัด (มหาชน) ในฐานะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้น ส่วน "สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว" อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
การจัดทัพครม.ใหม่ ในรหัส “หนู1” กำลังถูกจับตาว่า การกลับของพรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล แม้จะเป็น “รัฐบาลข้างน้อย” แต่อาจไม่ใช่อุปสรรค ที่อนุทิน จะเว้นวรรค หรือไม่กลับมา “เอาคืน” พรรคเพื่อไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เดินหน้าลุยเรื่อง ที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้วเลือกสว. จนกลายเป็น ศึกสองพรรคมาแล้ว
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย พลิกกลับมาคุมอำนาจ ได้เก้าอี้นายกฯ ส่วนพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้แพ้ ต้องกลายเป็น “ฝ่ายค้าน” ในสภาฯ และยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหา “ทัพแตก” เมื่อสส.รอวัน “ไหลออก” จากพรรค ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นก่อนถึงวันเลือกตั้งด้วยซ้ำ
แต่สำหรับพรรคส้ม พรรคประชาชนแล้ว ในเกมนี้ จะได้อะไร ยังคงเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่แม้แต่คนในพรรคด้วยกันเองยังหวั่นไหว และ “ขัดใจ” ลุกลามไปถึง “ด้อมส้ม” กองเชียร์ อย่างที่แสดงความเห็น ต่อผู้นำพรรคทั้งทางตรงและทางอ้อม
เพราะความไม่เชื่อมั่น “นักการเมือง” ที่อยู่ในครม.ใหม่ ว่าจะรักษา “สัญญา” ยุบสภาฯใน 4เดือน และเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งสสร.ได้หรือไม่ ?
พรรคส้ม จะเล่น “คนดู” ต่อไป ในท่ามกลาง “ความเสี่ยง” ที่วันข้างหน้า สส.ที่มีอยู่ยังต้องหายไปจากคดีม.112 ด้วยกันกว่า 20 ชีวิต
และที่น่าสนใจ และขัดใจ “กองเชียร์” อย่างรุนแรง นั่นคือเสียงเตือนดังๆไปถึง “พรรคประชาชน” ว่า 4 เดือนต่อไปนี้ พรรคประชาชน ที่มีแนวทางและอุดมการณ์ชัดเจน จะกลายเป็น “เครื่องมือ” ทำให้ “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” เข้มแข็งขึ้นมาหรือไม่
เมื่อ พรรคภูมิใจไทย คือ “ผู้นำฝั่งอนุรักษ์นิยม” คนใหม่ ก้าวขึ้นมาเล่นแทน “พรรคเพื่อไทย” อย่างเต็มตัวนั่นเอง !