วันที่ 5 ก.ย.2568 เวลา 09.20 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน ราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเริ่มต้นด้วยการลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.การรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ ตามที่ภาคประชาชนเป็นผู้เสนอ ที่ตกค้างมาจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 434 ต่อ 0 งดออกเสียง4 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 39คน มาพิจารณาต่อไป
จากนั้นน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ขอเสนอญัตติเปลี่ยนระเบียบวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 156 ขึ้นมาพิจารณาก่อนวาระปกติทั่วไป เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย คัดค้าน ขอให้พิจารณาไปตามระเบียบวาระปกติ โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนว่า ควรให้อภิปรายแสดงความเห็นก่อน เป็นเวลา 1วันว่า จะให้เลื่อนหรือไม่เลื่อนวาระ
นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ไม่ขัดขวางการขึ้นเป็นนายกฯของใคร แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ปกติ การเลือกนายกฯครั้งนี้เกิดขึ้น โดยฝ่ายค้านเป็นผู้กำหนดแนวทางให้ฝ่ายบริหาร ทำให้หลักการเสียหาย การโหวตนายกฯควรเลื่อนไปสัปดาห์หน้า ขณะที่นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม แย้งว่า ควรรีบเลือกนายกฯ สถานการณ์ประเทศมีหลายเรื่องต้องมีนายกรัฐมนตรีมาแก้ปัญหา เช่น ความขัดแย้งปัญหาชายแดน ปัญหาภาษีการค้าสหรัฐ เชื่อว่าสส.ไม่มีใครอยากเลือกตั้ง เพิ่งผ่านมา 2ปี ขณะนี้ยังสามารถขับเคลื่อนภารกิจต่างๆได้ แม้มีเวลาแค่ 4เดือน จึงควรพิจารณาเลือกนายกฯคนที่32
จากนั้นบรรยากาศเริ่มวุ่นวาย เพราะมีผู้ขออภิปราย 9คน ทำให้สส.ภูมิใจไทยและสส.รวมไทยสร้างชาติประท้วงขอให้รีบปิดอภิปรายและลงมติทันทีจะให้เลื่อนหรือไม่เลื่อนการโหวตเลือกนายกฯขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะการอภิปรายต่างพูดวนเวียนซ้ำซาก ไม่ควรใช้เวลามากไป ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวสวนว่า ไม่ต้องกลัว ถึงอย่างไรก็ได้โหวตเลือกนายกฯแน่ ถ้ามีเสียงครบ ก็ไม่ต้องกลัว แต่อย่าเริ่มต้นการเป็นรัฐบาลด้วยการปิดปาก
พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า การเลือกนายกฯครั้งนี้ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะมีข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นข้อตกลงที่บ่อนเซาะระบอบประชาธิปไตย ทำลายรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างหลักประกันให้นายกฯยุบสภาใน 4เดือน โดยดำเนินการให้พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย สะท้อนการบิดเบือนและขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา49 ในลักษณะกร่อนเซาะทำลายประชาธิปไตย ตัดกระบวนการตั้งรัฐบาลโดยเสรี ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเป็นอาชญากรรมหรืออาชญากรทางประชาธิปไตย ควรยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นข้อตกลงที่ขัดรัฐธรรมหรือไม่ อาจถึงขั้นยุบพรรค เพราะเป็นการครอบงำ ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งได้เป็นรัฐบาล อีกฝ่ายได้แก้รัฐธรรมนูญ ไม่เห็นหัวประชาชน เริ่มต้นก็ผิดระบอบประชาธิปไตยอย่างรุนแรง
นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เอ็มโอเอที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนทำข้อตกลงกัน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บังคับใช้ไม่ได้ หากปฏิบัติตามถือว่าผิดรัฐธรรมนูญและขัดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ขัดใครเป็นนายกฯ แต่วิธีเข้าถึงอำนาจต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ข้อตกลงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีข้อยกเว้นเรื่องการไม่แก้หมวด1และ2 และการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจเป็นการถูกครอบงำ มีการสัญญาว่าจะให้ และรับผลประโยชน์อี่นใดเพื่อให้ได้รับการดำรงตำแหน่ง ขัดมาตรา46 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ถือว่า เอ็มโอเอบังคับใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะ
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า อยากเรียกร้องถึงประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ และสส.ทุกคน วันนี้มีญัตติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ขอเรียกร้องหัวหน้าและคณะผู้บริหารทุกพรรคว่า อยากให้ยืนยันว่า หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน และเลือกจบแล้ว จะอยู่เป็นองค์ประชุมและพิจารณากฎหมายจบทุกฉบับ เพราะมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อยืนยันต่อประชาชนว่า สภาเป็นหลักยึดให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่โหวตเลือกนายกฯเสร็จแล้วกลับบ้าน
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตอบโต้ว่า ยืนยันว่าข้อตกลงเอ็มโอเอของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ไม่ละเมิดประชาธิปไตย เพราะไม่มีกฎหมายใด ห้ามฝ่ายค้านไปเลือกพรรคใดเป็นรัฐบาล การบอกว่าสิ่งที่พรรคประชาชนทำผิดกฎหมาย แล้วพวกท่านรับทำไม เพราะวันนี้ท่านไม่ได้รับเลือก ไม่ได้เข้ารอบใช่ไหม
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตอนปี2562 พรรคเพื่อไทยโหวตให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯ ปี2566 โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ แต่พอทีเรา เขาไม่คิดโหวตให้ ขอตั้งคำถามการเมืองยุคใหม่ยังมีอยู่หรือไม่ หรือมีดีลปีศาจ โปรโมชั่น 4เดือน เพื่อช่วยคน 44คน หรือมีโปรโมชันส่งคนในโควตา หรือคนนอก แต่เป็นพรรคพวกใครหรือไม่ ไม่ได้กล่าวหา แต่แค่สงสัย
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ขอเรียกร้องหัวหน้าและคณะผู้บริหารทุกพรรคว่า อยากให้ยืนยันว่า หากมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน และเลือกจบแล้ว จะอยู่เป็นองค์ประชุมและพิจารณากฎหมายจบทุกฉบับ เพราะมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อยืนยันต่อประชาชนว่า สภาเป็นหลักยึดให้กับประชาชนได้ ไม่ใช่โหวตเลือกนายกฯเสร็จแล้วกลับบ้าน ขอส่งข้อเรียกร้องไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ลุกขึ้นมายืนยันว่า หลังโหวตนายกฯแล้ว จะพิจารณากฎหมายอื่นๆต่อ ไม่ได้มาเพื่อโหวตนายกฯอย่างเดียวแล้วกลับบ้าน ถ้ารับปากทำได้ ก็ไม่เสียหาย หากจะเลื่อนวาระการโหวตนายกฯมาพิจารณาก่อน
จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นยืนยันต่อที่ประชุมว่า ตนและพรรคภูมิใจไทยจะอยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม ในการพิจารณาให้การพิจารณากฎหมายทุกวาระในวันนี้ และในอนาคตดำเนินไปด้วยความราบรื่นสมเจตนารมณ์ทุกคน
หลังจากอภิปรายมา 1ชั่วโมงกว่าๆที่ประชุมจึงลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนระเบียบวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อนด้วยคะแนน 313ต่อ142 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน5