ผู้ว่าฯ กทม. "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ประกาศความคืบหน้านโยบายเชิงรุก เตรียมแก้ข้อบัญญัติให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน (ศพด.) ในสังกัด สามารถรับเด็กได้ตั้งแต่อายุ 1 ขวบครึ่ง จากเดิม 2 ขวบ พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพรอบด้าน ทั้งเพิ่มงบประมาณรายหัว ปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น และเพิ่มค่าตอบแทนบุคลากร ตั้งเป้าดึงเด็กกว่า 3 แสนคนที่อยู่นอกระบบให้เข้าถึงการศึกษาปฐมวัย
(19 ส.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กทม. อยู่ระหว่างการออกข้อบัญญัติเพื่อปรับเกณฑ์อายุของเด็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน (ศพด.) จะสามารถรับดูแลได้ โดยจะลดเกณฑ์อายุขั้นต่ำลงจาก 2 ขวบ เป็น 1 ขวบครึ่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองที่ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้ และเป็นการนำเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาเข้าสู่การดูแลอย่างมีคุณภาพ
"ไม่มีอะไรสำคัญกับกรุงเทพมหานครเท่าเด็กและเยาวชนแล้ว หัวใจคือช่วงแรกเกิดถึง 6 ขวบ เป็นช่วงที่พัฒนามากที่สุด" นายชัชชาติกล่าว พร้อมย้ำว่านโยบายนี้จะช่วยให้เด็กในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง สามารถเข้าถึงการพัฒนาตั้งแต่เนิ่นๆ นโยบายนี้สอดคล้องกับแผนของ กทม. ที่กำหนดให้โรงเรียนในสังกัดเปิดรับเด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบ ส่วน ศพด. จะเข้ามาดูแลเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
นอกจากการปรับเกณฑ์อายุแล้ว กทม. ได้ดำเนินการยกระดับคุณภาพของ ศพด. ในหลายมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ดังนี้
1.เพิ่มงบประมาณสนับสนุน: ปรับเพิ่มงบรายปีจากเฉลี่ย 100 บาทต่อเด็กหนึ่งคน เป็น 600 บาทต่อคน 2.เพิ่มค่าอาหารกลางวัน: เพื่อให้เด็กได้รับโภชนาการที่เหมาะสมตามวัย 3.พัฒนาบุคลากร: เพิ่มอัตราค่าตอบแทนให้อาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก (พี่เลี้ยง) ตามประสบการณ์และวุฒิการศึกษา พร้อมตั้งเป้าผลักดันให้เป็นลูกจ้างประจำและข้าราชการในอนาคต 4.ปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่น: โดยได้รับความร่วมมือด้านงบประมาณจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัญหาใหญ่คือเด็กปฐมวัยจำนวนมากยังอยู่นอกระบบการศึกษา โดยข้อมูลจาก กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ระบุว่า มีเด็กอายุ 0-6 ขวบ อยู่นอกระบบประมาณ 300,000 คน หรือมีเด็กที่อยู่ในระบบเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น
กทม. จึงต้องทำงานเชิงรุกในการค้นหาและติดตามเด็กในชุมชน "ส่วนเส้นเลือดฝอย" เพื่อนำเด็กกลุ่มนี้เข้าระบบให้ได้มากที่สุด การปรับลดเกณฑ์อายุของ ศพด. จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จ
จากการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนอินดารุลมีนา เขตหนองจอก และรับฟังตัวแทนเครือข่าย ศพด. 30 แห่ง ได้รับเสียงสะท้อนเพื่อการพัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่
1.ลดสัดส่วนผู้ดูแล: เสนอให้ปรับลดสัดส่วนเด็กต่อผู้ดูแลจาก 10:1 เป็น 8:1 เนื่องจากปัจจุบันพบเด็กที่มีความต้องการพิเศษและสมาธิสั้นมากขึ้น การลดสัดส่วนจะทำให้การดูแลใกล้ชิดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 2.การอบรมเพิ่มเติม: หากต้องดูแลเด็กที่อายุน้อยลง บุคลากรจำเป็นต้องได้รับการอบรมทักษะและความรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กเล็ก 3.การสนับสนุนอุปกรณ์: ต้องการอุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัย 1-2 ขวบเพิ่มเติม