วันที่ 2 ส.ค.68 นายณัฐวุฒิ อนุโยธา นายอำเภอป่าโมก พ.ต.อ.รณกร วงศ์ภู่มณี นายกเทศมนตรีตำบลป่าโมก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าโมก ให้การต้อนรับ คณะจากหอการค้าจังหวัดอ่างทอง ร่วมกับ บริษัท 3 บาร์ เอเจนซี่ จำกัด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวจังหวัดอ่างทอง ภายใต้โครงการ “One Day Full – Wonder” Ang Thong  : “Unseen Discover The Hidden Soul”  โดยมาสักการะพระพุทธไสยาสน์ ณ วัดป่าโมกวรวิหาร อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง

สำหรับวัดป่าโมกวรวิหารเป็นวัดเก่าแก่สมัยสุโขทัย เดิมทีเป็นวัดสองวัดที่ตั้งอยู่ติดกัน คือ "วัดชีปะขาว" และ "วัดตลาด" แต่มีเหตุทำให้ต้องรวมเป็นวัดเดียวกันเนื่องจากกระแสน้ำเซาะเข้ามาใกล้พระวิหาร สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชสงครามจัดการชะลอลากให้ห่างจากแม่น้ำเดิม (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) ได้เสด็จมาควบคุมการชะลอองค์พระให้พ้นจากกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัง และนำองค์พระไปไว้ยังวิหารใหม่ที่วัดตลาด ห่างจากฝั่งแม่น้ำ 168 เมตร แล้วโปรดให้รวมวัดตลาดกับวัดชีปะขาวเป็นวัดเดียวกันและพระราชทานนามว่า วัดป่าโมก เพราะบริเวณนั้นมีต้นโมกมากมาย[1] ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก่อนจะยกทัพไปรบกับพระมหาอุปราชได้ เสด็จมาชุมนุมพลและถวายสักการะ บูชาพระพุทธไสยาสน์องค์นี้

อาคารเสนาสนะที่สำคัญ ได่แก่ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมอยุธยาตอนปลาย มีรูปทรงหลังคาเป็นฐานวิหารอ่อนโค้งรูปสำเภา หลังคาลด 2 ชั้น ต่อด้วยปีกนกด้านละ 2 แถบ มี 9 ห้อง เจาะช่องหน้าต่างด้านละ 7 บาน ด้านหน้าเจาะเป็นประตู ทางเข้าประตูเขียนลายรดน้ำลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ก้านแย่งยอด ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระอุโบสถมีขนาด 5 ห้อง หลังคาลดหลั่น 2 ชั้น หน้าพระอุโบสถใต้หน้าบันมีหลังคาคลุมแบบจั่นหับ มีประตูทางเข้า 2 ประตู หน้าต่างด้านละ 3 บาน เขียนลายรดน้ำ มีใบเสมาเป็นของเก่าในสมัยอยุธยาตอนต้นเป็นหินชนวนตั้งอยู่บนฐานดอกบัวและฐานสิงห์ วิหารเขียนมีขนาด 7 ห้อง หลังคาลด 2 ชั้น ใต้หน้าบันด้านหน้าปิดผนังทึบมีเสาแบนหรือเสาอิง 2 ตัน มีหลังคาคลุมลดลงมารองรับด้วยเสา 4 ต้น สันนิษฐานว่าเดิมเป็นตำหนักที่ประทับของพระเจ้าท้ายสระในคราวเสด็จชะลอพระพุทธไสยาสน์ และมณฑป ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หน้าบันมีลวดลายปูนปั้นรอบมณฑป ภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยสลักด้วยหิน