วันที่​ 15  มิ.ย.​ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับกรมบังคับคดี จัดกิจกรรม มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ปีที่ 2 เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ให้เข้าถึงกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและได้รับโอกาสแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นธรรม​ โดย นายกูเฮง ยาวอหะชัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด และ นางสาวดวงดาว เกียรติทิศาลสกุล รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน  ที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยมีประชาชน​ นักศึกษาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

 

ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน โดยไม่สร้างภาระจริยธรรม (Moral Hazard) และไม่บั่นทอนวินัยทางการเงิน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้นำหลักการ ไกล่เกลี่ยด้วยความสมัครใจ เพื่อความเป็นธรรม​ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยครอบคลุมการไกล่เกลี่ยทั้งก่อนฟ้องคดีและหลังมีคำพิพากษาศาล ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 และระเบียบกรมบังคับคดีที่เกี่ยวข้อง

โดยตลอดการดำเนินการ มหกรรมแก้หนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 6 หมื่นราย คิดเป็นมูลค่าทุนทรัพย์กว่า 14,000 ล้านบาท แยกเป็นลูกหนี้ก่อนฟ้องประมาณ 3,200 ราย ทุนทรัพย์รวม 1,210 ล้านบาท และลูกหนี้ที่อยู่ในชั้นบังคับคดีอีกกว่า 66,000 ราย มูลหนี้กว่า 12,200 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีการปรับโครงสร้างหนี้และคำนวณยอดหนี้ใหม่ ช่วยลดภาระหนี้รวมกว่า 6,200 ล้านบาท และปลดภาระผู้ค้ำประกันให้หลายหมื่นราย

 

 

สำหรับจังหวัดปัตตานี มีปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโต แต่พฤติกรรมการจับจ่ายเกินตัว โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อย ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องพึ่งพาการกู้ยืมในและนอกระบบ ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของครัวเรือน

ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17​ มิถุนายน 2568  โดยมีประชาชนลงทะเบียนร่วมงานกว่า 13,000 ราย ภายในงานมีการให้บริการปรึกษาทางกฎหมาย การไกล่เกลี่ยและปรับโครงสร้างหนี้ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทุน กยศ. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารกสิกรไทย และสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เป็นต้น

ขณะที่ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ได้แก่ การลดดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าใช้จ่ายทนายความ รวมถึงการผ่อนผันหรือขยายเวลาการชำระหนี้ และสิทธิการปลดภาระของผู้ค้ำประกันในกรณีที่ผ่านกระบวนการไกล่เกลี่ย

อย่างไรก็ตามกระทรวงยุติธรรมยังคงมุ่งมั่นดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อสร้างวินัยทางการเงินอย่างยั่งยืน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ