เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.68 สำนักข่าว "เดอะ พนมเปญ โพสต์" นำเสนอข่าวระบุว่า สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเรียกร้องให้ไทยแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดนที่ยืดเยื้อกับกัมพูชาผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางสันติและถูกต้องตามกฎหมายเพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
ในโพสต์บน Facebook เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (13 มิ.ย.68) ประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้เน้นย้ำถึงพื้นที่ข้อพิพาทสำคัญ 4 แห่งตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
พื้นที่ข้อพิพาทดังกล่าวรวมถึงบริเวณสามเหลี่ยมมรกตระหว่างกัมพูชา ลาว และไทย ตลอดจนวัดเก่าแก่อย่างมวนเตาช ตาเมือนธม และตากระบวย
ฮุนเซนเน้นย้ำว่าปัญหาเหล่านี้ ซึ่งกินพื้นที่บริเวณชายแดนระหว่างราชอาณาจักรทั้งสองที่มีความยาวกว่า 800 กิโลเมตรนั้น จะยังคงไม่ได้รับการแก้ไขผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ “แม้กระทั่งในศตวรรษหน้า” ทำให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นช่องทางเดียวที่เป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา
เมื่อพิจารณาถึงการตัดสินใจในปี 2022 ที่จะประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่สหประชาชาติ ฮุนเซนเชื่อมโยงจุดยืนของกัมพูชาเข้ากับความกลัวต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในลักษณะเดียวกันในประเทศใกล้เคียง
“ผมเชื่อเสมอมาว่าประเทศไทยอาจกระทำการในลักษณะเดียวกันกับที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2008 ถึง 2011 ในปัจจุบัน เราได้เห็นการกระทำที่รุกรานและละเลยกฎหมายระหว่างประเทศ” เขากล่าว
ฮุนเซนชี้แจงว่ากัมพูชาไม่ได้แสวงหาความขัดแย้ง แต่ต้องการการแก้ไขอย่างสันติผ่านการเจรจาและกฎหมาย เขายกตัวอย่างประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนแต่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขข้อพิพาทเรื่องดินแดนผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และรักษาความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งไว้ได้ในภายหลัง
“การใช้กฎหมายไม่ใช่การยุยงให้เกิดสงคราม แต่เป็นแนวทางสันติและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งป้องกันการนองเลือดในอนาคต และสร้างความชัดเจนให้กับประชาชน” เขากล่าว
การที่กัมพูชาเรียกร้องให้ประเทศที่เคารพกฎหมายเข้ามามีส่วนร่วมนั้น พยายามที่จะกดดันให้ไทยร่วมมือกับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการสร้างระเบียบโลกตามกฎเกณฑ์ ฮุนเซนเชื่อว่าการแก้ไขข้อพิพาทเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองมีเสถียรภาพและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ