คมนาคม เร่งพัฒนาขยายถนน 4 เลน เส้นทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เชื่อมโยงสะพานมิตรภาพไทยลาว หนองคาย เพิ่มศักยภาพชายแดนอีสาน
วันที่ 5 มิ.ย.68 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ส.ส.เขต 2 นครพนม นำทีมคมนาคม รวมถึง ผู้แทนในพื้นที่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้นำชุมชนท้องถิ่น ลงพื้นที่ จ.หนองคาย เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคม ขนส่ง ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อไทย เพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง และสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน รองรับปริมาณการจราจรที่จะสูงขึ้นในอนาคต เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ สนับสนุนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของชายแดนอีสาน เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว
ทั้งนี้ นายสุริยะ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในการลงพื้น จ.หนองคาย ได้มีโอกาสติดตามการพัฒนาคมนาคม รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ชาวอำเภอท่าบ่อ และอำเภอใกล้เคียง และความคืบหน้าการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม รวมทั้งผลักดันการพัฒนาเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ งานโครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน และงานก่อสร้างเพิ่มมาตรฐานทางหลวง ทล.211 ตอนควบคุม 0101 ตอน หนองสองห้อง - ศรีเชียงใหม่ กม. ที่ 30+200 - 31+375 ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการในปี 2569 เพื่อขยายเพิ่มช่องจราจร ทางเท้า ระบบระบายน้ำ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมโยงไปสู่จังหวัดเลย มีปริมาณการจราจรสูงในช่วงเวลาเร่งด่วนและช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญของจังหวัด และช่วงดังกล่าวเป็นย่านชุมชนไม่มีทางเท้าข้างทาง ไม่มีสะพานลอย ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกและปลอดภัย ในการเดินทาง จึงได้มอบหมายให้ แขวงทางหลวง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้พี่น้องประชาชนต่อไป
จากนั้นได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนชาวอำเภอโพนพิสัย และได้รับทราบแผนงานโครงการด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญ อาทิ การปรับปรุงการแบ่งทิศทางการจราจรเพื่อความปลอดภัย ทล.212 ตอนควบคุม 0102 ตอนปากสวย - น้ำเป ตอน 2 ช่วง กม. ที่ 40+000 - 42+355 โดย ทล. ได้จัดทำแผนงานเพื่อของบประมาณปี 2569 มาดำเนินการก่อสร้าง จะทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนและพี่น้องประชาชนที่อาศัยบริเวณดังกล่าวได้สัญจรอย่างปลอดภัยมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน เชื่อมต่อแหล่งผลิต แหล่งท่องเที่ยว และเชื่อมโยงไปยัง สปป.ลาว และประเทศจีนตอนใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


