วันที่ 4 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ Thailand Travel Mart Plus (TTM+) 2025 จัดขึ้นในวันที่ 4 – 6 มิถุนายน 2568 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 450 ราย เสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 406 ราย จาก 53 ประเทศทั่วโลก คาดสร้างจำนวนนัดหมายเจรจาธุรกิจกว่า 13,000 นัดหมาย รายได้หมุนเวียนกว่า 4,296 ล้านบาท โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. และผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่เข้าร่วมงาน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า งาน Thailand Travel Mart Plus 2025 (TTM+ 2025) เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติในรูปแบบ Business to Business (B2B) ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่จะได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เข้มแข็ง ยกระดับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวสู่สากล

 

สรวงศ์ เทียนทอง

 โดยในครั้งนี้จัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นโอกาสอันดีในการโชว์ศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่ และภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ลุ่มรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรม และสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย นอกจากนี้งาน TTM+ 2025 ยังนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวครอบคลุมพื้นที่เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสในการทำตลาดแก่ผู้ประกอบการไทยและขยายโอกาสในการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นทั่วประเทศ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมายังประเทศไทย

นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  กล่าวว่า งาน TTM+2025 ครั้งนี้ ททท. ปรับกลยุทธ์มุ่งกระตุ้นตลาด ทั้งประเทศที่เป็นตลาดท่องเที่ยวหลักและรองของไทย โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งจะมีผู้ประกอบการถึง 97 รายจากตลาดจีนที่จะเดินทางเข้ามาทั้งจากเมืองหลักและเมืองรองของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในการเร่งฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวจีน

รวมถึงตลาดศักยภาพใหม่ ๆ จากประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง อาทิ อาร์เจนตินา, บราซิล, ซาอุดีอาระเบีย, เซาท์ แอฟริกา รวมไปถึงภูมิภาคยุโรปตะวันออก โดยมีจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก (Buyers) 406 รายเข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับ 450 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย (Sellers) เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่ตรงต่อความต้องการของกลุ่มตลาด

ซึ่งในปีนี้ขยายโอกาสไปสู่ผู้ประกอบการเมืองน่าเที่ยวถึง 14 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย น่าน สุโขทัย พิษณุโลก ลำพูนแม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล ชุมพร จันทบุรี ตราด อุดรธานี ระยอง และยังคงหัวใจสำคัญในการจัดงานถึงความยั่งยืน (Sustainability) ในทุกมิติ

ฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์

ทั้งนี้ ททท. หวังว่าการจัดงาน TTM+2025 ไม่เพียงแต่จะเป็นเวทีในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยแล้วยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำตลาดศักยภาพใหม่ทั้งตลาดระยะใกล้และระยะไกล นำเสนอเมืองน่าเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นจุดขายใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยมุ่งสู่ความยั่งยืนในระดับสากล

สำหรับเวทีเจรจาธุรกิจ TTM+ 2025 ต้อนรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากทั่วโลก หรือ ผู้ซื้อ (Buyers) จำนวน 406 ราย จาก 53 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งเป็นสัดส่วน Buyers ที่เข้าร่วมงานจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ร้อยละ 33.25 อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ ร้อยละ 32.51 ยุโรป ร้อยละ 26.35 และอเมริกา ตะวันออกกลางและแอฟริการ้อยละ 7.88

ขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย (Sellers) เข้าร่วมจำนวน 450 ราย ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ร้อยละ 81.78 ธุรกิจนำเที่ยว ร้อยละ 8.44 สถานบันเทิงและสันทนาการ ร้อยละ 6 ธุรกิจด้านสุขภาพ ร้อยละ 0.89 ธุรกิจด้านการคมนาคมขนส่ง ร้อยละ 0.44 และธุรกิจอื่น ๆ ร้อยละ 2.44 รวมถึงผู้ประกอบการจากเมืองน่าเที่ยว 14 จังหวัด 30 หน่วยงาน องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ (NTO) จากกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ได้แก่ ราชอาณาจักรภูฏาน รวมถึงเชิญสื่อมวลชนจากทั้งในและต่างประเทศกว่า 108 ราย เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 4 มิถุนายน 2568  ททท. ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานด้วยกิจกรรม Welcome Reception ถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจผ่านเสน่ห์ไทยที่สอดคล้องกับ 5 Must Do in Thailand ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าจดจำ ถ่ายทอดความงดงามของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การตีกลองสะบัดชัย มวยโบราณ จัดเตรียมอาหารท้องถิ่นให้ได้ลิ้มลอง

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Pre-Tour จำนวน 9 เส้นทาง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายของจังหวัดเชียงใหม่ เช่น การท่องเที่ยววิถีชุมชน การปั่นจักรยาน กิจกรรมกอล์ฟ การอาบน้ำช้าง Walking Street Food เป็นต้น และกิจกรรม Post-Tour จำนวน 6 เส้นทาง ระหว่างวันที่ 7-11 มิถุนายน 2568 นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงสู่เมืองน่าเที่ยวจังหวัดลำปาง-แพร่-น่าน เส้นทางท่องเที่ยวเชิงอาหารในจังหวัดขอนแก่น นำเสนอความสวยงามของธรรมชาติ ลิ้มรสอาหารถิ่นในเส้นทางภาคตะวันออก จังหวัดระยอง ชลบุรี ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในเส้นทางภาคกลาง จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเส้นทางภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะเน้นการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น Soft Power ไทยควบคู่ไปกับการสอดแทรกแนวคิดความยั่งยืนโดยแต่ละเส้นทางจะมีการคำนวน Carbon Footprint ทุกเส้นทาง

สำหรับ TTM+ 2025 จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้สนับสนุนต่าง ๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไทยแลนด์ พริเลจ คาร์ด จำกัด สายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) นำเสนอ Soft Power ของไทยผ่าน “5 Must Do in Thailand”ควบคู่ไปกับการเน้นย้ำเรื่องความยั่งยืน ซึ่งททท. ให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในงาน ดำเนินการในรูปแบบ Carbon Neutral Event โดยร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน TTM+ 2025 ในพื้นที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์และชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการจัดงานทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์ม Carbon Knox ทั้งนี้ ททท. คาดหวังว่าการจัดงาน TTM+ 2025 ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจไม่ต่ำกว่า 13,000 นัดหมาย และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการเจรจาธุรกิจมากกว่า 4,296 ล้านบาท