วันที่ 8 พ.ค.68 ที่ห้องพญาไท 1-3 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เขตพญาไท ภายในงาน CAC Certification Ceremony 1/2025 Business Integrity in Action ธุรกิจโปร่งใส สร้างได้ด้วยวัฒนธรรมการแจ้งเบาะแส นายพรหเมศร์ เบ็ญจรงค์กิจ ผู้อำนวยการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย กล่าวถึงโครงการ เรียกรับ...เราร้อง ว่า เนื่องจากมีการคอร์รัปชันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เห็นได้จากสื่อต่าง ๆ ที่ผ่านมา ยังมีหลายคนไม่เข้าใจว่าเมื่อเกิดคอร์รัปชันแล้วต้องทำอย่างไร เช่น เมื่อถูกเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่แล้ว หากให้เงินไปแล้ว ให้รีบแจ้งเบาะแสเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ จะไม่มีความผิดตามมาตรา 114 แต่หากให้เงินไปแล้วไม่แจ้ง อาจมีความผิดตามมาตรา 114 ซึ่งข้อมูลที่ผ่านมาประมาณ 50% ตรวจพบทุจริตจากการแจ้งเบาะแส อีก 50% ได้จากพนักงานในองค์กร จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเบาะแส เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศในเรื่องทุจริต ตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้แจ้งเบาะแส โดยมีเครือข่ายร่วมกว่า 1,830 บริษัท ทั้งภาครัฐและเอกชน ทุกคนสามารถร้องเรียนได้ผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1.ช่องทางของบริษัท ซึ่งในอนาคตจะมีการร่วมมือกับบริษัทต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น 2.หากไม่มั่นใจในบริษัทตัวเอง ให้โทรแจ้งเบาะแสกับ ป.ป.ช. สายด่วน 1205 ผู้แจ้งจะเปิดเผยตัวตนหรือไม่ก็ได้ และ 3.แจ้งผ่านเว็บไซต์ https://www.thai-cac.com เชื่อว่าโครงการนี้จะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้ร่วมกับ กทม. แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการขอใบอนุญาตก่อสร้าง
นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า สถานการณ์ทุจริตไทยไม่ดีขึ้น เฉลี่ยจากปีละ 10,000 เรื่อง มีประมาณ 8,000 เรื่องมาจากภาครัฐ ปีที่แล้วจับไปไม่น้อยกว่า 30 คดี ปัจจุบันเน้นการอบรม ให้ความรู้แก่หน่วยงานรัฐ ให้ลดการใช้ดุลยพินิจลง ใช้ระบบออนไลน์มากขึ้น เช่น การเก็บเงินท่องเที่ยวจากอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ที่ผ่านใช้การฉีกตั๋วเก็บรายได้ ซึ่งเสี่ยงทุจริตอย่างมาก จึงสนับสนุนให้ใช้ระบบออนไลน์ทดแทน ซึ่งจะเป็นกรณีตัวอย่างต่อไป นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อป้องกัน คุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่ ไม่ให้ใครรับรู้เป็นอันขาด เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนหันมาแจ้งเบาะแสอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกัลวลอะไรทั้งสิ้น ดังนั้น โครงการ เรียกรับ...เราร้อง คือการพัฒนาด้านการต่อต้านทุจริตอีกทางหนึ่งที่ร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาประเทศไทยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 131 - 135 ได้บัญญัติให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการให้ความคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ทำคำร้อง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ให้ถ้อยคำ หรือผู้ที่แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลใด เกี่ยวกับการทุจริต ตลอดจนการให้ความคุ้มครองการปฏิบัติงานในหน้าที่แก่เจ้าพนักงานของรัฐ ที่ได้ให้ถ้อยคำหรือแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วย โดยมีระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าด้วยการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน พ.ศ. 2562 เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
รวมถึง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการผลักดันกฎหมายป้องกันฟ้องปิดปาก เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชนที่เปิดโปงแจ้งเบาะแสการทุจริต ซึ่งมักจะถูกผู้สูญเสียประโยชน์นำกระบวนการยุติธรรม มาเป็นเครื่องมือด้วยการฟ้องปิดปาก (Strategic Lawsuit Against Public Participation: SLAPP) โดยกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ขณะนี้ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตรวจทานร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวเพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป หากกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ จะเป็นการเพิ่มกลไกการให้ความคุ้มครอง และส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือชี้เบาะแสการทุจริตให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการลดความเสี่ยงด้านคอร์รัปชัน เรื่องการขอใบอนุญาตก่อสร้างในกรุงเทพมหานครว่า เรื่องทุจริตเป็นปัญหาอันดับแรกของ กทม. โดยเฉพาะการขอใบอนุญาตก่อสร้าง การแก้ไขคือ ใช้การขอใบอนุญาตผ่านระบบออนไลน์และการกำหนดการพิจารณาใบอนุญาตภายใน 14 วัน หากต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมให้ส่งผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจากเดิมผู้ขอใบอนุญาตจะต้องพบเจ้าหน้าที่หลายส่วน เช่น การยื่นแบบก่อสร้างต่าง ๆ แต่ปัจจุบัน กทม.กำหนดให้ทุกเขตเปิดขอใบอนุญาตก่อสร้างผ่านระบบออนไลน์ และขยายผลไปถึงการขอใบอนุญาตผ่านระบบออนไลน์ในเรื่องอื่น ๆ ให้ครอบคลุม
โดยที่ผ่านมามีการขอใบอนุญาตก่อสร้างผ่านระบบออนไลน์แล้วประมาณ 3,000 เรื่อง กทม.กำหนดให้ทุกเขตบรรจุข้อมูลทั้งหมดลงในระบบออนไลน์ เพื่อให้การติดตามตรวจสอบจากฝ่ายบริหารทำได้ง่ายขึ้น หากเขตใดไม่บรรจุข้อมูลลงในระบบออนไลน์ก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอ รวมถึง กทม.เปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งเรื่องทุจริตผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ มีการดำเนินการร่วมกับหน่วยงาน ป.ป.ช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดมีการไล่ออกจากราชการไปแล้ว 28 ราย ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยลดการพบกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ สามารถกำหนดเวลาการดำเนินงานได้ชัดเจนขึ้น ลดดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ลง ที่สำคัญสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ต้องขอบคุณที่จัดโครงการและสร้างความร่วมมือกันในครั้งนี้ เรื่องทุจริตเป็นเรื่องที่ต้องพูด เพราะกัดกร่อนประเทศไทยมายาวนาน
สำหรับโครงการ เรียกรับ...เราร้อง ที่จัดขึ้นในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองและสร้างแรงจูงใจในการแจ้งเบาะแสแก่ภาคเอกชน (Whistle Blowing) โดยมุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในกลไกทางกฎหมายที่ให้การปกป้อง คุ้มครองและยังช่วยส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้าน หรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบมากยิ่งขึ้น




