วันที่ 20 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซนทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ   นายอิทธิพร  บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวในงานสัมมานาให้ความรู้สื่อมวลชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาและนายกเทศมนตรี   ที่จะหมดอายุในวันที่ 26 มี.ค. 2568    และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 11 พ.ค. 2568 ว่าสื่อมวลชนมีความสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้อง แม่นยำ และเป็นกลาง  เพื่อเป็นการป้องกันข่าวลวง หรือเฟคนิวส์ และลดความเข้าใจผิดของประชาชน  โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ซึ่งตนได้ย้ำสิ่งที่สำคัญคือการแต่งตั้งกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ที่ต้องระวัง ไม่แต่งตั้งญาติของผู้สมัครมาเป็นกปน. เพราะเกรงว่าจะเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครและไม่เป็นกลาง ประกอบกับ  กปน.บางคนเป็นกรรมการประจำหน่วนเลือกตั้งมาหลายปี แทบทุกการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังย้ำเรื่องการส่งมอบบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ในการเลือกตั้งว่าจะต้องตรวจสอบ และเก็บในสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้ถูกเคลือบแคลง สงสัยในเรื่องของการทุจริต และที่สำคัญ สถานที่เก็บต้องไม่เชื่อมโยงกับผู้สมัครรับเลือกตั้ง 

นายอิทธิพร  กล่าวว่า  ในส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือประชาชนหากไปสังเกตการณ์เลือกตั้ง แล้วพบสิ่งที่น่าสงสัยขอให้แจ้งเหตุกับ กปน.ทันที   เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการก็บพยานหลักฐาน ส่วนการตั้งจุดนับคะแนน ขอให้มีระห่างที่เหมาะสม ให้ผู้สังเกตการณ์สามารถมองเห็นการนับคะแนนได้โดยสะดวก   ขอให้  กปน.ขานคะแนนด้วยความชัดเจน  หากเห็นว่าการนับคะแนนไม่ชัดเจนหรือผิดพลาดขอให้ทักท้วงทันที ซึ่งหลังมีการกำชับเรื่องดังกล่าว พบว่า แนวโน้มการร้องเรียนการทำหน้าที่ของ กปน.ลดลงจาก 111 เรื่อง เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 เหลือ 17 เรื่องในปี 2566  

ประธาน  กกต. กล่าวต่อว่า ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภา และนายกเทศมนตรีครั้งนี้ แนวทางวินิจฉัยความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง   เป็นหน้าที่ กกต.และศาลอุทธรภาค แต่ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งทุกครั้งจะมีข่าวการซื้อเสียง เหตุที่ กกต.จับไม่ได้เพราะการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมคือหาพยานหลังกฐานที่ต้องเพียงพอ และต้องพิสูจน์ได้โดยวิทยาศาสตร์   แต่คดีเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียง  เกี่ยวข้องกับคนมีอิทธิพลในท้องถิ่นบางเรื่อง   จึงหาลักฐานได้ยาก    และต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย 

นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะดูจากการเลือก อบจ.ที่ผ่านมา   บางจังหวัดออกเสียงมากที่สุดคือพัทลุง 83% ส่วนน้อยสุดไม่ขอเปิดเผยคือมีคนไปใช้สิทธิแค่ 46 % ดังนั้นจังหวัดนั้นต้องพยายามหาช่องทางให้คนมาใช้สิทธิ์ให้มากขึ้น    เพราะการเลือกตั้ง    เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ   มาตรา 50 ถ้าไม่ไปเลือกตั้งต้องแจ้งเหตุ  เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิบางประการ แต่ถ้าไม่ไป ไม่แจ้ง จะถูกจำกัดสิทธิ์เป็นเวลา 2 ปี    ที่สำคัญคือไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้  ทั้งนี้ ผู้ไปใช้สิทธิ์สามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ของ กกต และแอพพลิเคชั่น Smart Vote   

ประธาน  กกต. ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องของการพิจารณาสำนวนคดี คำร้องเรียน กกต.พร้อมรับแจ้งเบาะแส  และมีอำนาจในการคุ้มครองผู้มาแจ้งเบาะแสไว้เป็นพยาน โดยที่ผ่านมามีการกันเป็นพยาน 113 ราย คุ้มครองพยาน 32 ราย และให้รางวัลการแจ้งเบาะที่ให้มากที่สุดคือ 4 แสนบาท เมื่อเรื่องนั้นนำสู่การวินิจฉัยว่าผิดจริง โดยล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังพิจารณาให้การคุ้มครองพยานเป็นครั้งที่ 6  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความผลอดภัย ตอนนี้พยานทุกคนปลอดภัยดี บางคนมีโดนยิงปืนใส่บ้าน โดนเผารถกระบะ