วันที่ 15 ก.พ.68 ที่ บช.สอท. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ประเมินสถานการณ์แนวชายแดน หลังรัฐกดดันกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมตามแนวชายแดน
สืบเนื่องจากที่รัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ตัดไฟที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 5 จุดยุทธศาสตร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้เกิดผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.68 ศูนย์สั่งการชายแดนระหว่าง ไทย-พม่า ได้รับการประสานจากฝั่ง อ.เมียวดี รัฐกระเหรี่ยง ทำการส่งตัวชาวต่างชาติ ที่เข้าข่ายถูกหลอกลวงกลับเข่ามาประเทศไทยผ่านช่องทางขนส่งสินค้า ที่ 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 260 คน และในวันที่ 14 ก.พ. กองกำลัง BGF พร้อมอาวุธได้เข้าควบคุม ตึกโครงการย่าไถ่ เมืองชเวโก๊กโก และช่วยเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2,000 คน และกำลังจะส่งกลับประเทศไทยผ่านทาง บ.วังแก้ว ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก ภายในวันที่ 15 ก.พ. 68 เป็นต้นไป
ขณะที่สถานการณ์ในฝั่งชายแดน จ.กาญจนบุรี ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดเผยว่าได้ตรวจพบสายอินเทอร์เน็ต ที่มีการลักลอบเชื่อมโยง ออกจากผู้รับบริการชาวไทย ซึ่งเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านดัดแปลงสัญญาณไปทางสาย โดยโยงสายอินเทอร์เน็ตข้ามไปชายแดน เนื่องจากว่าพื้นที่บ้านของผู้ลักลอบอยู่ติดกันกับประเทศเพื่อนบ้าน มีถนนคั่นกลางเพียง 3-4 เมตร นอกจากนี้ยังพบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายโทรศัพท์มือถือเอกชน ซึ่งทำผิดข้อกำหนดของ พ.ร.บ.โทรคมนาคม ของ กสทช. โดยมีการหันเสาสัญญาณไปยังเขตประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่าการส่งสัญญาณลักษณะนี้ไม่ได้ส่งให้ประชาชนคนไทยตามแนวชายแดนใช้ จึงคาดการณ์เป็นการส่งสัญญาณให้กับประเทศเพื่อนบ้านใช้บริการ โดยทางเรามีการประสานกับทาง กสทช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพบว่ามีการลักลอบจ่ายกระแสไฟข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนนี้ทางเราก็มีการประสานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน โดยจุดที่ลักลอบส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตรวมถึงจ่ายกระแสไฟฟ้า ห่างกับที่ทำการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพียงไม่กี่เมตร ซึ่งบริเวณดังกล่าวเมื่อเดือน พ.ย.67 ได้มีชาวจีนและคนไทยหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวจำนวนหลายคน
สรุปสถานการณ์การส่งตัวกลับจากประเทศเพื่อนบ้าน
1. จำนวนผู้ถูกส่งตัวกลับจากชเวก๊กโกในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 มีทั้งหมด 260 คน โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทหาร, ฝ่ายปกครอง, และ ตม. เพื่อดำเนินการตรวจสอบและซักถามข้อมูล โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานใน call center ซึ่งคิดเป็น 90% ของผู้ส่งตัวกลับ
2. จากการซักถาม 1 คนถูกหลอกไปและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ส่วน 259 คนสมัครใจทำงานใน call center
3. สถานการณ์ทั่วไปยังคงมีการติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งจากหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ
ข้อสั่งการและแผนการดำเนินการต่อไป
1. ทุกการส่งตัวกลับต้องทราบล่วงหน้า และมีการประสานงานอย่างเป็นระบบ
2. เข้าร่วมซักถามเหยื่อ เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายขบวนการคอลเซ็นเตอร์
3. ตรวจสอบว่า ไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง กับขบวนการหรือไม่ เช่น การพาคนข้ามแดน
4. พิจารณาข้อกล่าวหา การนำบุคคลข้ามประเทศโดยผิดกฎหมาย
5. ตำรวจไซเบอร์ต้องซักถามเหยื่อโดยละเอียด และรายงานตามลำดับชั้น
6. ชุดประสานงานชายแดนต้องทำงานต่อเนื่อง
7. สรุปรายงาน ให้ชัดเจนว่าผู้กระทำผิดเข้าข่ายข้อหาใด
8. ตรวจสอบ จำนวนเหยื่อ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสม
9. เก็บแฟ้มข้อมูลทุกการจับกุม และทำรายงาน สถานการณ์แนวชายแดนทุกวัน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์
และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว